เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 เม.ย.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงว่า ทางกรมควบคุมโรคได้ออกคำแนะนำกรณีพบผู้ติดเชื้อในบริษัท สถานที่ทำงาน และคอนโดมิเนียม โดยหากเป็นบุคคลให้พนักงาน/ผู้พักอาศัย ที่ติดเชื้อหยุดงานทันทีและแยกตัวออกจากผู้อื่น แจ้งเจ้าหนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ภายใน 3 ชั่วโมงเพื่อควบคุมโรคและคัดกรองกลุ่มเสี่ยง ผู้มีความเสี่ยงสูงให้รีบพบแพทย์ทันทีพร้อมกักตัว 14 วัน ผู้มีความเสี่ยงต่ำแยกตัวเองเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน หากมีอาการให้รีบพบแพทย์ทันที สำหรับสถานที่ให้หยุดกิจกรรมในแผนก/ชั้น ที่มีผู้ติดเชื้อเพื่อทำความสะอาด 1-3 วัน พนักงาน/ผู้พักอาศัย ทำความสะอาดสิ่งของที่ใช้งานบ่อยๆ เช่น โต๊ะทำงาน โทรศัพท์ ทำความสะอาดบริเวณที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น ราวจับบันได ลูกบิดประตู ระมัดระวังการเก็บขยะติดเชื้อ เช่น ทิชชู ที่ผ่านมรใช้งานแล้วให้ใส่ถังขยะสีแดงและปิดให้มิดชิด ผู้ปฎิบัติการทำความสะอาดต้องสวมอุปกรณ์ส่วนบุคคล เช่น ถุงมือ ผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดจมูก ขณะที่ระบบสภาพแวดล้อมนั้นต้องติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิ จุดจ่ายแอลกอฮฮล์ จัดการแยกไทม์ไลน์ขยะติดเชื้อ จัดการระบบระบายอากาศให้หมุนเวียนอากาศได้ดีขึ้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับข้อปฏิบัติของผู้ที่เข้าพักในโรงพยาบาลสนามนั้น จากที่เมื่อวานตนระบุว่าสามารถสังสรรค์กันได้นั้น ขอแก้ไขเป็นว่าไม่เหมาะสม ไม่ควรมีเลย แต่อย่างน้อยการอยู่โรงพยาบาลสนามแม้จะห้ามสังสรรค์แต่ก็ไม่เหงาเพราะยังเห็นคนอื่นๆอยู่รอบตัว ส่วนกรณีที่มีประชาชนที่ตรวจเชื้อโควิดพบว่าผลเป็นบวกแต่ต้องรอรถพยาบาลมารับที่บ้านจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร ที่ประชุมของกระทรวงสาธารณสุขวันเดียวกันนี้ได้เตรียมวางมาตรการใหม่แก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะทราบดีว่าเป็นเรื่องใหญ่ของประชาชน ซึ่งประเด็นนี้ทางกระทรวงจะเป็นผู้ชี้แจงเพิ่มเติมในรายละเอียด ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับแผนเชิงรุกทั้งหมดให้มีชุดข้อมูลเดียวกัน โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขวางแนวทางการรวมข้อมูลไว้ที่จุดเดียว และสั่งการโดยกระทรวงสาธารณสุข เพื่อจะได้ประสานความร่วมมือในทิศทางเดียวกัน ขณะที่ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงนั้นก็จะสนับสนุนโรงพยาบาลสนาม โดยจะบูรณาการที่ตั้งและบุคลากรให้สอดคล้องกัน สำหรับการปฏิบัติตัวของผู้ที่ติดเชื้อที่ยังจำเป็นต้องอยู่ที่บ้านนั้นหากแยกห้องได้ขอให้แยก บางคนรอนาน 3-7 วัน แต่โชคดีที่การระบาดรอบนี้มีอาการกันไม่มาก จะมีการแก้ปัญหาโดยเร็ว และหลังจากนี้จะมีข้อแนะนำออกมา แต่เบื้องต้นขอให้ยึดมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก