นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol ระบุว่า..ผู้ป่วยโคบ้าทุกคน ถ้าต้องการหายป่วยไวๆ-ปลอดภัยมากขึ้น ย่อมมีสิทธิขอใช้ยาคอกเทล***
1) ยาคอกเทล เป็นยาที่ประเทศไทยผลิตได้เอง ราคาทุนเม็ดละ 3 บาท มียาสำรองอยู่หลายล้านเม็ด สำหรับใช้รักษาโรคเอดส์มา 20 กว่าปีแล้ว!!!
2) จีนได้ค้นพบว่า ยาคอกเทลสามารถรักษาโคขวิดได้ หายภายใน 48 ชั่วโมง -4 วันอย่างช้า
และได้ขอตัวอย่างยาไปจากประเทศไทย!!! ผมได้ส่งรายงานเรื่องนี้ต่อผู้ใหญ่ในรัฐบาล!!! และได้ประสานส่งตัวอย่างนี้ให้แก่ทางจีนจำนวน 170 กล่องเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จีนได้นำไปผลิตใช้รักษาผู้ป่วยได้ผลดียิ่ง
3) แพทย์โรงพยาบาลราชวิถี ได้ใช้ยาคอกเทลรักษาผู้ป่วยโคขวิดหายภายใน 48 ชั่วโมง มีการแถลงข่าวเป็นทางการโดยรัฐมนตรีสาธารณสุขเป็นประธาน ว่าไทยเป็นประเทศแรกที่ใช้ยานี้รักษาผู้ป่วยโคขวิดหาย!!!!
4) ได้ออกประกาศสาธารณสุขลงวันที่ 29 มีนาคม 2563 ลำดับที่ 2 ให้ใช้ยาคอกเทลรักษาโคขวิด และในช่วงนั้น หลายหน่วยงานได้แย่งกันสั่งซื้อยาคอกเทลจากญี่ปุ่นด้วยวิธีพิเศษ หลายล้านเม็ดในราคาเม็ดละ 5 เหรียญสหรัฐ!!!
"แด๊กกันเพลิน"
ซึ่งเหลือเฟือ เพราะในขณะนั้นคนไทยป่วยแค่ 3,000 คน จนนายกรัฐมนตรีต้องมีคำสั่งให้หน่วยงานเดียวเป็นผู้สั่งซื้อยา เพื่อป้องกันปัญหาต่างหน่วยงานต่างซื้อตามอำเภอใจ นัยหนึ่งคือป้องกันการโกงนั่นเอง!!!!
5) ในช่วงเดือนเมษายน 2563 ประเทศไทยสามารถรักษาผู้ป่วยหายเกือบทั้งหมด มีผู้เสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนไม่ถึง 30 คน
6) วันที่1พฤษภาคม 2563 ได้ออกประกาศสาธารณสุขฉบับใหม่ ลำดับที่ 2 ให้ใช้ยารักษาปอดบวมแทนยาคอกเทล ตามอย่างสหรัฐฯ มีการสั่งซื้อยารักษาปอดบวมเข้ามาอีกหลายสิบล้านเม็ด ซึ่งขณะนั้นมีผู้ป่วยส่วนใหญ่จากต่างประเทศระหว่างรักษาเหลืออยู่เพียงประมาณ 500 คน!!!!
"แด๊กกันเพลิน"!!!!
7) มีข้อยกเว้นว่า ถ้าแพทย์เห็นสมควรจะใช้ยาคอกเทล ให้ขออนุญาตไปยังเขตสาธารณสุขเป็นครั้งๆ ไป ตามข่าวระบุว่า เมื่อขออนุญาตแล้ว กว่าจะได้ยาต้องใช้เวลา 3-4 วัน ทำให้ผู้ป่วยทรมาณมากขึ้น!!!!
8) ยาคอกเทลสามารถใช้รักษาได้ตั้งแต่ทราบว่าป่วย ไม่ต้องรอจนปอดบวม หรือปอดอักเสบก่อน จึงจะใช้ยาแก้ปอดบวมได้ซึ่งต้องใช้เวลารักษาระหว่าง 14 - 21 วัน ก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งด้านค่าใช้จ่ายของรัฐ และประชาชนจำนวนมากโดยไม่จำเป็น
9) ผู้ป่วยทุกคนหรือญาติพี่น้อง มีสิทธิขอใช้ยาคอกเทลรักษาโคขวิดได้ตามประกาศสาธารณสุข 29 มีนาคม 2563 ถ้าหากไม่ได้รับอนุญาต หรือทำให้ผู้ป่วยอาการหนักมากขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol