โควิดสายบันเทิงยังลามหนักที่แปดริ้ว ล่าสุดทำนิวไฮใหม่อีกรอบพุ่งแตะ 18 รายต่อวัน ถือเป็นการระบาดใหม่สูงสุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ขณะไทม์ไลน์กลุ่มผู้ติดเชื้อเมื่อวันวานยังเป็นการรับเชื้อแบบสืบทอดสายพันธุ์หลายชั้นซับซ้อนจากสถานบันเทิง ทั้งผู้ป่วยบางรายยังเลี่ยงการสำแดงข้อมูลต่อเจ้าพนักงาน ด้านพ่อเมืองประกาศยกระดับเปลี่ยนสีจังหวัดจากเหลืองเป็นส้ม พร้อมเพิ่มไม้แข็งขู่คนที่ยังปิดบังไทม์ไลน์ที่แท้จริง
วันที่ 17 เม.ย.64 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ล่าสุดจากศูนย์ปฏิบัติการโควิด 19 จ.ฉะเชิงเทรา ที่ได้มีการประกาศแจ้งยอดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่ล่าสุดในวันนี้ ที่มีเพิ่มมากขึ้นถึง 18 ราย โดยเป็นผู้ที่ถูกตรวจพบเชื้อในพื้นที่จำนวน 16 ราย และเดินทางเข้ามาทำการรักษาในพื้นที่จำนวน 2 ราย ซึ่งถือว่าในวันนี้มียอดจำนวนของผู้ติดเชื้อภายใน จ.ฉะเชิงเทรา มากที่สุด นับจากการระบาดในครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มี.ค.63
จึงทำให้มียอดผู้ป่วยด้วยโรคโควิด 19 สะสมในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 133 ราย แยกเป็นผู้ป่วยจากการระบาดครั้งแรก 21 รายเสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยระลอก 2 เมื่อช่วงต้นปี 2564 จำนวน 28 ราย และผู้ป่วยจากการระบาดล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย.64 จำนวน 84 ราย
ส่วนไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อเมื่อวันวานจำนวน 9 ราย ที่เพิ่งถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อช่วงเช้ามืดของเมื่อคืนที่มานั้น ยังเป็นกลุ่มของการนำพาเชื้อมาแพร่ระบาดต่อเนื่อง จากเพื่อนที่มีประวัติไปยังสถานที่เสี่ยงมาสู่เพื่อนที่ไม่ได้ออกไปท่องเที่ยวในสถานบันเทิง รวมถึงการนำมาแพร่สู่คนในองค์กรเดียวกัน และยังมีกลุ่มของพนักงานร้านอาหาร และคนเดินสายทำงานกลางคืน ทั้งยังมีผู้ปฏิเสธการให้ประวัติการเดินทางต่อเจ้าพนักงานสอบสวนโรคอย่างครบถ้วน
ขณะเดียวกันในวันนี้ นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด ได้ประกาศยกระดับให้ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพื้นที่ควบคุมสีส้มทั้ง 11 อำเภอจากเดิมที่เป็นพื้นที่สีเหลือง เพื่อรับมือต่อการระบาดของโรคระลอกใหม่ที่เข้มข้นขึ้น โดยให้มีผลตามคำสั่งและบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ 18 เม.ย.64 เป็นต้นไป และยังมีคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ 17/2564 ลงวันที่ 17 เม.ย.64
ประกาศห้ามใช้อาคารในสถานที่ศึกษาในการทำการเรียนการสอน อบรม สอบ หรือมีกิจกรรมใดๆ ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก และห้ามจัดกิจกรรมทุกชนิดที่มีคนมารวมกันเดินกว่า 50 คน และงดจัดกิจกรรมทางสังคม สังสรรค์ งานเลี้ยงรื่นเริง เว้นแต่การจัดงานตามประเพณีที่มีมาตรการป้องกันโรคที่เพียงพอ พร้อมกับการสั่งปิดชั่วคราวสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ที่มีลักษณะคล้ายกับสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด หรือร้านที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน
ส่วนร้านอาหารเครื่องดื่มให้เปิดจำหน่ายได้ไม่เกิน 23.00 น. และห้ามดื่มสุราหรือเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ในสถานที่ดังกล่าว โดยให้ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าหรือสถานที่มีลักษณะคล้ายกัน เปิดบริการได้ไม่เกิน 21.00 น. โดยขอให้ประชาชนชะลอการเดินทาง หรืองดการเดินทางไปยังในพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่มีการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งตามประกาศฉบับนี้เกี่ยวกับเรื่องของสถานบริการ สถานบันเทิง หรือสถานที่ในทำนองเดียวกันให้มีผลในวันนี้ (17 เม.ย.64)
นอกจากนี้ตามคำสั่งยังขู่ที่จะดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ต่อผู้ที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทาง หรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรค เจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุข ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรค เป็นผลให้เชื้อแพร่ออกไป ให้ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาทและจำคุกไม่เดิน 10 วัน และยังอาจถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วันที่ 17 เม.ย.64 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ล่าสุดจากศูนย์ปฏิบัติการโควิด 19 จ.ฉะเชิงเทรา ที่ได้มีการประกาศแจ้งยอดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่ล่าสุดในวันนี้ ที่มีเพิ่มมากขึ้นถึง 18 ราย โดยเป็นผู้ที่ถูกตรวจพบเชื้อในพื้นที่จำนวน 16 ราย และเดินทางเข้ามาทำการรักษาในพื้นที่จำนวน 2 ราย ซึ่งถือว่าในวันนี้มียอดจำนวนของผู้ติดเชื้อภายใน จ.ฉะเชิงเทรา มากที่สุด นับจากการระบาดในครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มี.ค.63
จึงทำให้มียอดผู้ป่วยด้วยโรคโควิด 19 สะสมในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 133 ราย แยกเป็นผู้ป่วยจากการระบาดครั้งแรก 21 รายเสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยระลอก 2 เมื่อช่วงต้นปี 2564 จำนวน 28 ราย และผู้ป่วยจากการระบาดล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย.64 จำนวน 84 ราย
ส่วนไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อเมื่อวันวานจำนวน 9 ราย ที่เพิ่งถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อช่วงเช้ามืดของเมื่อคืนที่มานั้น ยังเป็นกลุ่มของการนำพาเชื้อมาแพร่ระบาดต่อเนื่อง จากเพื่อนที่มีประวัติไปยังสถานที่เสี่ยงมาสู่เพื่อนที่ไม่ได้ออกไปท่องเที่ยวในสถานบันเทิง รวมถึงการนำมาแพร่สู่คนในองค์กรเดียวกัน และยังมีกลุ่มของพนักงานร้านอาหาร และคนเดินสายทำงานกลางคืน ทั้งยังมีผู้ปฏิเสธการให้ประวัติการเดินทางต่อเจ้าพนักงานสอบสวนโรคอย่างครบถ้วน
ขณะเดียวกันในวันนี้ นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด ได้ประกาศยกระดับให้ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพื้นที่ควบคุมสีส้มทั้ง 11 อำเภอจากเดิมที่เป็นพื้นที่สีเหลือง เพื่อรับมือต่อการระบาดของโรคระลอกใหม่ที่เข้มข้นขึ้น โดยให้มีผลตามคำสั่งและบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ 18 เม.ย.64 เป็นต้นไป และยังมีคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ 17/2564 ลงวันที่ 17 เม.ย.64
ประกาศห้ามใช้อาคารในสถานที่ศึกษาในการทำการเรียนการสอน อบรม สอบ หรือมีกิจกรรมใดๆ ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก และห้ามจัดกิจกรรมทุกชนิดที่มีคนมารวมกันเดินกว่า 50 คน และงดจัดกิจกรรมทางสังคม สังสรรค์ งานเลี้ยงรื่นเริง เว้นแต่การจัดงานตามประเพณีที่มีมาตรการป้องกันโรคที่เพียงพอ พร้อมกับการสั่งปิดชั่วคราวสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ที่มีลักษณะคล้ายกับสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด หรือร้านที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน
ส่วนร้านอาหารเครื่องดื่มให้เปิดจำหน่ายได้ไม่เกิน 23.00 น. และห้ามดื่มสุราหรือเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ในสถานที่ดังกล่าว โดยให้ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าหรือสถานที่มีลักษณะคล้ายกัน เปิดบริการได้ไม่เกิน 21.00 น. โดยขอให้ประชาชนชะลอการเดินทาง หรืองดการเดินทางไปยังในพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่มีการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งตามประกาศฉบับนี้เกี่ยวกับเรื่องของสถานบริการ สถานบันเทิง หรือสถานที่ในทำนองเดียวกันให้มีผลในวันนี้ (17 เม.ย.64)
นอกจากนี้ตามคำสั่งยังขู่ที่จะดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ต่อผู้ที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทาง หรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรค เจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุข ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรค เป็นผลให้เชื้อแพร่ออกไป ให้ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาทและจำคุกไม่เดิน 10 วัน และยังอาจถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ