"ทิพานัน"ย้อนโฆษกก้าวไกลแกล้งโง่ไม่รู้การ์ดวีโว่ติดโควิด ยัน"บิ๊กตู่"ห่วงผู้ชุมนุม แต่ถูกตีความในแง่ลบ แจงรบ.ไม่ล็อกดาวน์-ไม่เคอร์ฟิว เพราะห่วงปากท้องผู้มีรายได้น้อย  ยันงบฯเยียวยา-ฟื้นฟูเศรษฐกิจยังเหลือ 3.8แสนล้าน ปลื้ม “เราชนะ” บูมเศรษฐกิจเกือบ2แสนล้าน เมื่อวันที่ 17 เม.ย.น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และ โฆษกพรรคก้าวไกล รู้สึกสิ้นหวังกับการแถลงถึงแนวทางและมาตรการในการรับมือการระบาดของโควิด 19 ระลอก 3 ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. โดยกล่าวหาว่านายกฯ กล่าวโทษการชุมนุมทางการเมืองของประชาชนคืออันตรายอันดับหนึ่งทั้งที่ข้อเท็จจริงคือยังไม่เคยมีการระบาดที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมเลยว่า พี่น้องประชาชนน่าจะสิ้นหวังกับโฆษกพรรคก้าวไกลมากกว่าที่เหมือนร้อนตัวจึงยังตะแบงไม่เลิก ตกข่าวจึงไม่ทราบว่า มีการ์ดวีโว่ที่ร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. โพสต์แจ้งผลติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งตนมีความเป็นห่วงและขอให้ผู้ติดเชื้อหายเจ็บป่วยโดยเร็ว และโฆษกพรรคก้าวไกลน่าจะบกพร่องในเรื่องการตีความ มีอคติจึงแปรเจตนาของพล.อ.ประยุทธ์ซึ่งแสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชนผู้ร่วมชุมนุมไปในแง่ลบ ทั้งที่กรณีล่าสุดนี้พิสูจน์แล้วว่า ข้อห่วงใยของนายกฯ นั้นอยู่ในหลักการ ซึ่งอาจเกิดการระบาดในการชุมนุม และยังเป็นปัจจัยในการคงพรก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการรวมตัวกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงแพร่ระบาด กรณีกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวเพื่อปัดความรับผิดหลีกเลี่ยงการเยียวยานั้น ก็เป็นการวิจารณ์ที่ไร้หลักความรู้ เหมือนอยากซ้ำเติมสถานการณ์ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยต้องเดือดร้อน เพราะถ้าได้เบิกเนตร ใช้ปัญญาจะมองเห็นว่า ตามหลักการได้สัดส่วนนั้น สถานการณ์ยังไม่รุนแรงถึงขั้นล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวที่จะกระทบต่อพี่น้องประชาชนรโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยในวงกว้าง ดังนั้นจึงออกมาตรการที่สมเหตุสมผล แก้ปัญหาเฉพาะที่ต้นตอ โดยมุ่งควบคุมการแพร่ระบาดให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ ให้อำนาจผู้ว่าฯ ของแต่ละจังหวัดที่ทำงานร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดพิจารณามาตรการเพิ่มเติมได้ตามความรุนแรงของการแพร่ระบาด แต่มาตรการกลางคือ ปิดสถานที่ ห้ามกิจกรรมที่จะยิ่งทำให้เกิดการแพร่ระบาด ลดเวลาการเปิดกิจการเพื่อให้ไม่กระทบการดำรงชีวิตประจำวันและควบคุมสถานการณ์ได้ และยังมีมาตรการองค์กรเสริมคือให้หน่วยงานรัฐและเอกชนทำงานแบบ WFH โดยกำหนดให้ใช้เวลา 14 วันและพิจารณาประเมินเพื่อเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับสถานการณ์ และขอเน้นย้ำว่ารัฐบาลยังมีงบประมาณเหลือเพียงพอสำหรับนำมาใช้เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจเกือบ 3.8 แสนล้านบาท ฉะนั้นรัฐบาลไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการบังคับใช้มาตรการเด็ดขาดเพื่อไม่ต้องเยียวยา และรัฐบาลพร้อมปรับมาตรการตามความจำเป็น เพื่อลดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด นอกจากนี้มาตรการต่างๆ ที่ออกมามีผลตอบรับที่ดีจากประชาชน ทั้งประชาชนได้รับการเยียวยาและระบบเศรษฐกิจฐานรากได้รับประโยชน์ เช่นล่าสุดโครงการ “เราชนะ” มีผู้ได้รับสิทธิกว่า 32.8 ล้านคน ทำให้มีมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 1.98 แสนล้านบาทททำให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย หาบเร่แผงลอย 1.3 ล้านกิจการได้รับประโยชน์โดยตรง “โฆษกพรรคก้าวไกล ไม่ควรมโนเอาเองว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวเพราะไม่กล้า หากแต่พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจโดยรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอาชีพเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง ไม่ใช่วันๆมุ่งแต่จะเล่นการเมือง หาช่องสบโอกาสตำหนิคนทำงานไปเรื่อย” น.ส.ทิพานัน กล่าว