ศึกในพปชร.ฟัดกันนัว “สามารถ”ตั้งรางวัล2แสนล่ามือปล่อยข่าวส่งคนสอบป.เอกแทน “สิระ”โผล่รับเป็นมือชงข้อมูล “ส.”ให้นักข่าวเอง จี้ “สามารถ”จ่ายจริง พร้อมโชว์สปิริตลาออก ลั่นมีหลักฐานชัด เปิดร่างแก้ไขรธน.ชง3พรรคร่วมรบ. บีบพปชร.ตัดอำนาจส.ว.เลือกนายกฯ จากกรณีนักการเมืองอักษรย่อ “ส.” สังกัดกระทรวงยุติธรรม ส่งลูกน้องสอบหลักสูตรภาษาอังกฤษระดับปริญญาเอกแทน จนถูกสั่งตัดสิทธิการเรียน ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เชื่อว่าเป็นเกมการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐเนื่องจากจะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่นั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เม.ย.64 สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์ภาพผลการเรียน พร้อมข้อความชี้แจงเฟซบุ๊กส่วนตัวยืนยันว่าไม่เคยมีการส่งใครไปเรียนหรือไปสอบแทน พร้อมทั้งตั้งรางวัลนำจับผู้ที่ให้ข่าวกับสื่อเอาไว้ถึง 2 แสนบาท “ข่าวที่ออกมาก่อนหน้า ก็เป็นเรื่องหวังผลทางการเมืองบางอย่าง แน่นอน ซึ่งไม่ใช่การให้ข้อเท็จจริงโดยหลักสุจริต” จากนั้น นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมายอมรับว่า เป็นผู้ส่งข้อมูลข่าวดังกล่าวให้กับผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง พร้อมกับย้อนถามนายสามารถว่าจะจ่ายเงินให้เขาหรือไม่ พร้อมเรียกร้องให้นายสามารถแสดงสปิริตทางการเมืองด้วยการลาออก ไม่ต้องให้พรรคทำการสอบสวนไม่ควรตะแบงให้พรรคพลังประชาชนและกระทรวงยุติธรรมเสียหาย “ผมขอท้าเลย ผมมีหลักฐาน ขอให้พรรคเรียกผมไปสอบเรื่องนี้ หากจริงพรรคต้องไล่นายสามารถออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี ตำแหน่งนี้พรรคไม่ได้เสนอชื่อนายสามารถ แต่ มีสว.คนหนึ่งฝากมา กลับกลายเป็นว่าไม่ได้ทำประโยชน์ให้พรรค แต่มาสร้างความมัวหมองให้พรรคอีกต่างหาก”นายสิระ ระบุ ส่วนความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับในส่วนของ 3 พรรคร่วมรัฐบาล คือ พรรคประชาธิปัตย์ , พรรคภูมิใจไทยและ พรรคชาติไทยพัฒนา ว่า เนื้อหาเบื้องต้นที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมเสนอให้อีก 2 พรรคร่วมรัฐบาล พิจารณา คือ 1.ประเด็นแก้ไขมาตราว่าด้วยสิทธิของประชาชน 4 มาตรา ว่าด้วย สิทธิในกระบวนการยุติธรรม, สิทธิที่ดินทำกิน, สิทธิผู้บริโภค และ สิทธิชุมชน, 2. ประเด็นระบบเลือกตั้ง โดยเนื้อหาจะยึดการเลือกตั้งที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 คือ ให้มีส.ส.เขต 400 คน, ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เลือกตั้งโดยบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ 3.ประเด็นว่าด้วยการเลือกนายกรัฐมตรี จะเสนอแก้ไข 3 มาตรา ได้แก่ มาตรา 88 ว่าด้วยให้พรรคการเมืองแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เกิน 3 รายชื่อ โดยจะตัดวรรคสอง ที่ระบุ ว่า พรรคการเมืองจะไม่เสนอรายชื่อบุคคลดังกล่าวก็ได้ออก เพื่อให้ทุกพรรคการเมืองต้องเสนอบัญชีนายกรัฐมนตรี ให้ประชาชนได้พิจารณาในช่วงการแข่งขันเลือกตั้ง , มาตรา 159 ว่าด้วยการพิจารณาแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี จะเพิ่มเนื้อหาให้ บุคคลที่เสนอชื่อให้สภาฯ?ลงมติเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. และ ตัดมาตรา 272 ที่ให้อำนาจวุฒิสมาชิกร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี, 4. ประเด็นแก้ไข มาตรา 256 ว่าด้วยกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะใช้เนื้อหาที่รัฐสภาผ่านวาระสอง ที่กำหนดให้ใช้เสียงรับหลักการ ไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 และตัดส่วนของเสียงส.ว. จำนวน 1 ใน 3 ออก โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า 5.ประเด็นการตรวจสอบการกระทำที่ผิดจริยธรรมของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเสนอแก้ 2 มาตรา คือ มาตรา 236 และมาตรา 237 ที่กำหนดให้ประธานรัฐสภา เมื่อรับเรื่องจากส.ส., ส.ว. หรือสมาชิกรัฐสภา จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 แล้วต้องพิจารณาว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ากระทำตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ก่อนจะเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระ โดยจะปรับบทบาทของประธานรัฐสภา เป็นเพียงคนกลางที่ส่งเรื่องไปยังประธานศาลฎีกา แทนการพิจารณา ประเด็นดังกล่าวกังวลว่าอาจเกิดความไม่ถ่วงดุลเกิดขึ้น เพราะหากมีนักการเมืองที่ต้องการใช้ประเด็นดังกล่าวต่อรองเรื่องคดีความอาจยื่นเรื่องให้รัฐสภาพิจารณาได้ และหากประธานรัฐสภา ไม่ใช่นายชวน หลีกภัย อาจเกิดกรณีต่อรองคดีขึ้นได้ และ 6.มาตราว่าด้วยการกระจายยอำนาจ ซึ่งนายถวิล ไพรสณฑ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยกร่างแก้ไข โดยมีเนื้อหาที่ขอให้เพิ่มเติม 2 มาตรา และปรับแก้ไข มาตรา 249 - 254 โดยสาระสำคัญ เพื่อให้ความสำคัญกับท้องถิ่น การกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้งตรงของประชาชน เพื่อคืนอำนาจให้กับท้องถิ่น “ตัวร่างทั้ง6 ฉบับจะให้ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล ที่ตกลงจะยื่นญัตติร่วมกันพิจารณาอีกครั้งว่า จะมีประเด็นใดเพิ่มเติมหรือปรับปรุงหรือไม่ โดยพรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องขอเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อลงลายมือชื่อเสนอญัตติดังกล่าวไม่น้อยกว่า 100 ชื่อ และขณะนี้ของพรรคประชาธิปัตย์มี 51 ชื่อ” นายราเมศ กล่าว วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00น. กลุ่ม UNME of Anarchy (หมู่บ้านทะลุฟ้า) นัดมวลชนร่วมทำกิจกรรม “กลับหมู่บ้านทะลุฟ้า หน้าทำเนียบ” ที่บริเวณหมู่บ้านทะลุฟ้า ข้างสะพานชมัยมรุเชฐ โดยไฮไลต์คือกิจกรรม“ปาสีใส่ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี”ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนระอุ โดยมวลชลส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดงและกลุ่มนักศึกษา ได้เดินขบวนจากบริเวณหน้าพณิชยการพระนคร เพื่อเคลื่อนมายังหมู่บ้านทะลุฟ้า โดยระหว่างเดินได้มีการฉีดน้ำ และสาดแป้งฝุ่นผสมสีกันอย่างสนุกสนาน ทั้งนี้ เมื่อมาถึงเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ตำรวจควบคุมฝูงชนได้นำแผงเหล็กมากั้น ทำให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถเคลื่อนขบวนไปต่อไปได้ ท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.นางเลิ้งและตำรวจควบคุมฝูงชน ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ขยับคอนเทนเนอร์มาปิดการจราจรถนนพิษณุโลกบนสะพานชมัยมรุเชฐ และถนนพระรามที่ 5 ตั้งแต่หน้าศาลกรมหลวงชุมพร ไปจนถึงสะพานอรทัย ข้างคลองเปรมประชากร ทำเนียบรัฐบาล พร้อมนำลวดหนามหีบเพลงมาวางบนคอนเทนเนอร์อีกชั้น เพื่อปิดกั้นไม่ให้ใช้เส้นทางดังกล่าว