ชาวบ้านพบเต่าป่าตกบ่อร้างลึกกว่า 10 เมตร นาน 3 เดือน ลูกสาวกลับมาบ้านทราบเรื่องแจ้งกู้ภัยให้ช่วยขึ้นมาได้ ป้าเจ้าของบ้านบอกพบไข่เต่าเมื่อ 3 เดือนบริเวณขอบ่อตามหาจนเจออยู่ในบ่อไม่กล้าบอกใครกลัวถูกจับไปแกง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 เมษายน 2564 เจ้าหน้าที่ห้องวิทยุสื่อสารของสมาคมกู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถาน จ.ตราด ได้รับแจ้งจากชาวบ้านตำบลหนองคันทรงขอความช่วยเหลือจากอาสาสมัครให้ช่วยเหลือเต่าที่ตกอยู่ในบ่อร้างที่อยู่ภายในสวนหลังบ้าน เนื่องจากเต่าตัวดังกล่าวตกอยู่ในบ่อนาน 3 เดือนแล้ว
จึงแจ้งประสานให้อาสาสมัครในพื้นที่บ้านแหลมหิน ต.หนองคันทรง อ.เมือง จ.ตราด ให้เดินทางไปตรวจสอบ ที่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 3 ต.หนองคันทรง อ.เมือง จ.ตราด ที่อยู่ภายในซอยเทพประทาน เมื่อไปถึงพบนางสาวสิริอัมพร ศรีพุทธรัตน์ อายุ 55 ปี เจ้าของบ้านที่ยืนรออยู่และพาเดินไปในสวนยางด้านหลังบ้าน ซึ่งพบบ่อน้ำร้างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว โดยทางเจ้าของบ้านได้นำไปกิ่งไผ่มาปิดล้อมบริเวณขอบ่อไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คนหรือสัตว์ ตกลงไป
นายเกรียงไกร สมบัติบูรณ์ อาสาสมัครกู้ภัยพร้อมเพื่อนอาสาอีก 1 คนได้เข้าไปตรวจสอบชะโงกดูพบว่าบ่อดังกล่าวเป็นบ่อน้ำเก่าแก่อายุมากกว่า 50 ปี ซึ่งไม่ได้มีการใช้ประโยชน์แต่อย่างใด เมื่อชะโงกดูในบ่อประมาณความลึกแล้วมากกว่า 10 เมตร และไม่มีน้ำอยู่ในบ่อ พบเห็นเต่านอนซุกอยู่ จากการประเมินสถานการณ์การช่วยเหลือ ต้องหาบันไดที่มีความยาวมากกว่า 10 เมตรเพื่อลงไปช่วยเหลือเต่า แต่อาสามีบันไดยาวเพียง 8 เมตร เจ้าของบ้านจึงแนะนำให้ใช้บุ้งกี๋ ผูกเป็นกระเช้าแล้วหย่อนลงไปในบ่อ และใช้ไม้ไผ่ที่มีความยาวมากกว่าความลึกของบ่อเขี่ยเต่าให้เข้าไปในบุ้งกี๋ แล้วก็สาวเชือกนำเต่าขึ้นจากบ่อได้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น
นางสาวศิริอัมพร กล่าวว่า ตนเองทำงานอยู่ที่จันทบุรี ได้กลับบ้านมาในช่วงวันหยุดและวันนี้กำลังจะกลับไปทำงาน แต่แม่ได้เล่าให้ฟังว่ามีเต่าตกอยู่ในบ่อน้ำหลังบ้าน จึงได้เดินไปดูเห็นมีเต่าจริง จึงได้แจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง อบต.ที่รู้จักให้แจ้งขอความช่วยเหลือจากกู้ภัย
ด้านนางสมจิตร หนองแพร อายุ 77 ปี บอกว่า เมื่อ 3 เดือนก่อน เจอไข่เต่าตกอยู่ขอบบ่อน้ำ จึงได้เก็บมาให้เพื่อนบ้านดูเพราะไม่รู้ว่าเป็นไข่อะไร ทีแรกเข้าใจว่าเป็นไข่งู แต่เพื่อนบ้านบอกว่าเป็นไข่เต่า จึงได้ให้ลูกสาวอีกคนไปเดินหาดูจนพบว่ามีเต่าตกอยู่ในบ่อ แต่ไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวว่าจะมีคนมาจับเอาไปกิน จนกระทั่งลูกสาวมาจึงเล่าให้ฟัง ลูกสาวจึงหาทางให้คนมาช่วยเหลือ เพราะถ้าหากไม่มีคนช่วยก็ต้องรอให้ฝนตกหนัก น้ำท่วมบ่อเต่าจึงจะสามารถว่ายน้ำขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหนที่เต่าจะสามารถขึ้นมาได้
นายเกรียงไกร อาสาสมัครกู้ภัยบอกว่า หลังรับแจ้งจึงเดินทางมาดูที่หน้างานก่อนที่จะวางแผนให้การช่วยเหลือเต่า ว่าควรที่จะลงไปช่วย หรือหาวิธีใดได้บ้าง แต่มองดูแล้วการลงไปช่วยอาจทำไม่ได้เพราะบ่อมีความลึก และมองดูแล้วเต่าตัวไม่ใหญ่มากจึงคิดหาวิธีอื่นพอดีเจ้าของบ้านบอกว่า ให้เอาบุ้งกี๋มาผูกเชือกเป็นกระเช้าหย่อนแล้วใช้ไม้ไผ่เขี่ยเต่าเข้าบุ้งกี๋ ซึ่งวิธีนี้ได้ผลไม่ได้ยุ่งยากใด ๆ ใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถช่วยเต่าขึ้นมาได้ ซึ่งจากการจับตัวเต่าดู เต่าตัวเบามากน่าจะเป็นเพราะอดอาหารมาเป็นเวลานาน
ซึ่งหลังจากนำเต่าขึ้นมาแล้ว นายเกรียงไกรได้นำเต่าไปใส่กะละมังและตักน้ำใส่ให้ พร้อมกันนี้เจ้าของบ้านได้ไปเด็ดผักบุ้งมาใส่ให้เพื่อให้เต่าได้กินน้ำ กินผังบุ้งก่อน จากนั้นก็จะมอบให้อาสาสมัครกู้ภัยนำไปปล่อยไว้ที่วัดลำดวนเพื่อให้อยู่กับธรรมชาติต่อไป …