วันที่ 15 เมษายน 2564 นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เผยสถิติที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ (14 เมษายน 2564) มีทั้งหมด 1,648 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถในขณะเมาสุรา 1,646 คดี คดีขับรถประมาท 2 คดี ซึ่งมีตัวเลขสถิติยอดรวม 5 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด (10–14 เมษายน 2564) จำนวนทั้งสิ้น 3,743 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถในขณะเมาสุรา 3,730 คดี คิดเป็นร้อยละ 99.66 -คดีขับเสพ 11 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.29- คดีขับรถประมาท 2 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.05 ส่วนจังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ 1. จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 290 คดี 2.จังหวัดเชียงราย จำนวน 264 คดี และ 3.จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 251 คดี
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า กรมคุมประพฤติ เน้นย้ำมาตรการคุมเข้มสำหรับผู้กระทำผิดในฐานความผิดขับรถในขณะเมาสุรา โดยศาลสั่งใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) 11 ราย ยอดสะสม 5 วันขยับเป็น 19 ราย โดยมีเงื่อนไขห้ามออกจากที่พักอาศัยในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น. – 04.00 น. เป็นระยะเวลา 15 วัน พักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 6 เดือน เฝ้าติดตามและควบคุมดูแลผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมงผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring Control Center - EMCC) อีกทั้งยังมีการคัดกรองตามแบบประเมินพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกราย หากพบว่า มีความเสี่ยงสูงในการติดสุรา จะส่งบำบัดรักษาอาการติดสุรา ณ สถานพยาบาล ตลอดจนประเมินความเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำเพื่อควบคุมเข้มงวด หรือพบว่ามีประวัติการกระทำผิดซ้ำ จะนำส่งเข้ารับการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นระยะเวลา 3 วันต่อเนื่อง ซึ่งมีกิจกรรมทั้งการให้ความรู้ และการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากผู้ขับรถขณะเมาสุรา เพื่อสร้างจิตสำนึกในเรื่องความรับผิดชอบต่อผลการกระทำของตัวเองที่มีต่อบุคคลอื่นและสังคม
นอกจากนี้ กรมคุมประพฤติ โดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ ยังคงสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการประชาชน พร้อมทั้งจัดให้มีการทำงานบริการสังคม โดยการตรวจเยี่ยม แจกน้ำดื่ม ตรวจวัดอุณหภูมิและให้คำแนะนำในการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 แก่ประชาชนที่เดินทาง ณ จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น จำนวน 65 จุด มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวนทั้งสิ้น 439 คน