จากกรณีรถทัวร์โดยสารของบริษัท 407พัฒนา จำกัด รับผู้โดยสารมาเต็มคันรถรวมพนักงานของรถจำนวน 33 คน โดยมีจุดหมายปลายทางที่ กรุงเทพฯแต่เกิดเหตุการณ์ล้อรถด้านหลังฝั่งขวาระเบิด จนเกิดประกายไฟลุกไหม้รถวอดทั้งคัน ในพื้นที่ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น เมื่อกลางดึกวันที่ 13 เม.ย.2564 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียชีวิตคาซากรถ 5 คน ได้รับบาดเจ็บ 12 คน และหนีออกมาได้ 16 คน รวมทั้งหมด 33 คน ขณะที่พนักงานขับรถหลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ควบคุมตัวมาตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดซึ่งร่างกายปกติ พร้อมทั้งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแฮด ทำการสอบปากคำในวันนี้เสร็จก็แจ้งข้อกล่าวหา “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” โดยเบื้องต้นทราบชื่อผู้เสียชีวิตยืนยันแล้วก่อนหน้านี้ 1 ราย คือ น.ส.สุกัญญา เกดหอม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 14 ต.เมืองเพียง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ซึ่งพี่ชายของผู้เสียชีวิตรายนี้อยู่ระหว่างการติดต่อขอรับศพประกอบพิธีตามศาสนา ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 14 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานมาจาก นาย วรพงษ์ เสริมทรง อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 ม.6 ต.หนองโน อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นพี่เขยของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว คือ น.ส.ปรางค์ทอง กาล้อม อายุ 24 ปี และยังเป็นลุงของ ด.ญ.ปวรรัตน์ กาล้อม อายุ 6 ขวบ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน และในที่13 เม.ย.2564 ยังเป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 6 ขวบของ ด.ญ.ปวรรัตน์ อีกด้วย
นาย วรพงษ์ เสริมทรง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ช่วงก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมา ตนเองและภรรยาคือ น.ส.ยุพาวรรณ กาล้อม อายุ 26 ปี พี่สาวคนตาย ได้เดินทางไปรับ 2 แม่ลูกจาก อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งทั้งคู่มีบ้านพักและทำงานอยู่ที่นั่น ส่วนสามีก็อยู่ใน อ.พิมายเช่นกัน แต่เลิกราและแยกกันอยู่ แต่จะรับลูกไปหาพ่อบ้าง โดยได้ไปรับทั้งคู่กลับมาเที่ยวเล่น และพบปะกับครอบครัวที่บ้านเกิด ที่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี กระทั่งในวันที่ 12 เม.ย.ทั้งคู่ต้องเดินทางกลับไปหาอดีตสามีที่ อ.พิมาย เพื่อจะร่วมกันจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้กับ ด.ญ.ปวรรัตน์ ซึ่งมีอายุครบ 6 ขวบในวันที่ 13 เม.ย.2564 จึงได้ซื้อตั๋วรถของบริษัท 407พัฒนา ไปลงที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีรถเพียงเที่ยวเดียวในช่วงเย็นวันที่ 12 เม.ย.
"ผมและภรรยาได้ขับรถไปส่งที่ บขส.อุดรธานี พอทั้งคู่ลงจากรถก็เดินขึ้นรถทัวร์ทันทีโดยไม่ได้พูดอะไรมาก บอกเพียงว่าถ้าถึงแล้วจะโทรหา ซึ่งตอนนั้นไม่ทราบว่าน้องนั่งอยู่ตรงไหน พอรถออกเดินทางผ่านไปสักพักน้องโทรมาบอกว่าลืมสายชาร์จเอาไว้ที่รถของตนเอง ให้เก็บเอาไว้ให้ด้วย แล้วก็เงียบหายไปจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยภรรยาทราบข่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพราะมีการเผยแพร่ข่าวและเห็นว่าเป็นรถของบริษัท 407 พัฒนาอีกทั้งยังระบุว่าเสียชีวิตอยู่ช่วงด้านหลังรถชั้น 2 จึงรีบโทรหาผู้ตายแต่ติดต่อไม่ได้ ก่อนที่จะพากันไปติดต่อเพื่อขอรับศพมาประกอบพิธีทางศาสนาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้มาติดต่ออีกครั้งเพื่อตรวจดีเอ็นเอในวันเปิดทำการคือวันที่ 19 เม.ย.2564 ทำให้ตอนนี้ทุกคนรู้สึกกังวลใจร้อนทำอะไรไม่ถูก อยากจะรับศพทั้งคู่กลับมาประกอบพิธีทางศาสนา" นาย วรพงษ์ กล่าว
นายวรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้อดีตสามีของผู้ตายและเป็นพ่อของ ด.ญ.ปวรรัตน์ได้เดินทางมาที่ขอนแก่นเพื่อจะขอตรวจดีเอ็นเอแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถตรวจได้ พร้อมที่จะประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทำไมต้องรอนานขนาดนั้น เพราะครอบครัวอยากจะขอตรวจดีเอ็นเอเพื่อรับศพผู้ตายกลับ เนื่องจากในวันที่ 19 เม.ย. ทุกคนต้องกลับไปทำงานเพราะลางานต่อจากวันหยุดยาวไม่ได้แล้ว