สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ และสหภาพยุโรป หยุดใช้งานวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เป็นการชั่วคราวแล้ว หลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) กับสำนักงานจัดการอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันอังคารที่ 13 เม.ย. 2564 แนะนำให้หยุดใช้วัคซีนดังกล่าว หลังพบผู้เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันชนิดหายากและรุนแรง 6 ราย ในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนชนิดนี้จำนวนกว่า 6.8 ล้านคนในสหรัฐฯ โดยหนึ่งในนั้นเสียชีวิตแล้ว และอีกรายอาการอยู่ในขั้นวิกฤติ อีกทั้งยังระบุ อีกว่า ผู้เกิดลิ่มเลือดทั้ง 6 ราย เป็นผู้หญิงอายุในช่วงระหว่าง 18-48 ปี และเกิดอาการหลังจากได้รับวัคซีนแล้ว 6-13 วัน ซึ่งหลังจากนี้ซีดีซีจะจัดการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน (เอซีไอพี) ในวันพุธ เพื่อทบทวนกรณีเหล่านี้ และประเมินถึงความเป็นไปได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนเอฟดีเอก็จะสืบสวนหาข้อเท็จจริงเช่นกัน และพวกเขาแนะนำให้หน่วยงานต่างๆ หยุดใช้วัคซีนชนิดนี้ก่อน จนกว่าการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น ด้านบริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสันออกแถลงการณ์ในวันเดียวกัน ระบุว่า บริษัทตัดสินใจจะชะลอการกระจายวัคซีนในยุโรป และจะทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างใกล้ชิด และพร้อมร่วมรหารือแบบเปิดในเรื่องข้อมูลดังกล่าวกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งยังแนะนำ ผู้ที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว อาจเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง, ปวดท้อง, ปวดขา หรือหายใจลำบาก ภายใน 3 สัปดาห์หลังฉีด เป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ยาก ประมาณ 1 ต่อ 1 ล้าน