สงกรานต์ 3 วัน สังเวย110 ราย “เมืองคอน” แชมป์เกิดอุบัติเหตุ “ชลบุรี”แชมป์เสียชีวิต “ศปถ.” สั่งคุมเข้มเมาแล้วขับ พร้อมบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด “นายกฯ” รับเสียใจไฟไหม้รถบัสผู้โดยสารเสียชีวิต 5 ราย ที่ขอนแก่น พร้อมอวยพรสงกรานต์ ขอคนไทยมีความสุข-มีกำลังใจ-สติปัญญาเข้มแข็ง ย้ำขอให้เป็นเทศกาลปลอดภัยจากโควิด
ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เมื่อวันที่ 13 เม.ย.64 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระ ทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2564 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 12 เม.ย.64 ซึ่งเป็นวันที่3ของการรณรงค์ “สงกรานต์สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย ห่างไกลโควิด” เกิดอุบัติเหตุ 388 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 54 ราย ผู้บาดเจ็บ 373 คน
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 30.15 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 28.35 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 87.63 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 58.25 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.08 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 33.51 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01–20.00 น. ร้อยละ 30.15 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 29.74
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,896 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 59,079 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 343,703 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 65,929 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 18,210 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 16,553 รายโดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (22 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สกลนคร สุพรรณบุรี (จังหวัดละ 4 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (21 คน)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วัน ของการรณรงค์ (10–12 เม.ย.64) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,090 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 110 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 1,099 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 25 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ นครศรีธรรมราช (49 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี (6 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (52 คน)
ด้าน นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ปภ.) กล่าวว่า วันนี้คาดว่า จะมีการใช้รถใช้ถนนบนเส้นทางสายรอง โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างอำเภอ อบต.และหมู่บ้านมากขึ้น จึงได้ประสานจังหวัดใช้กลไกในระดับพื้นที่ โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน จิตอาสาเน้นการดูแลและป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน โดยเพิ่มความเข้มข้นในการจัดตั้งด่านชุมชนบริเวณจุดเสี่ยงที่มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เน้นการเรียกตรวจยานพาหนะและประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะการกวดขันพฤติกรรมการดื่มแล้วขับ การตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ และการใช้อุปกรณ์นิรภัย รวมถึงบังคับใช้กฎหมายจราจรและกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มเยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี
“ท้ายนี้ ขอฝากเตือนประชาชนใช้รถใช้ถนนด้วยความปลอดภัย อีกทั้งร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ด้วยการรด ริน พรมน้ำ และไม่สาดน้ำใส่กัน โดยเฉพาะการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข (DMHTT) เพื่อให้ทุกการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีความปลอดภัยและห่างไกลจากโควิด-19”
ขณะที่ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ระบุถึงกรณีเกิดอุบัติเหตุเพลิงลุกไหม้รถทัวร์โดยสารของบริษัท 407 พัฒนาทัวร์ หมายเลขทะเบียน 10-7387อุดรธานี บนถนนมิตรภาพ หลัก กม.ที่ 318-320 ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ส่งผลให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 5 ราย ได้รับบาดเจ็บ 12 ราย โดยรถโดยสารคันนี้ออกเดินทางจากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุดรธานี มุ่งหน้าปลายทางสถานีขนส่งหมอชิตกรุงเพทมหานคร มีผู้โดยสารรวมพนักงาน 33 คนเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่จะโดยสารชั้นที่ 2 ของรถทัวร์ โดย 2 ใน 5 ของผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก โดยนายกฯได้กำชับให้หน่วยงานเร่งดูแล และให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่และดูแลผู้บาดเจ็บให้ดีที่สุด
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวเนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 64 ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า เทศกาลสงกรานต์ถือเป็นขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย มีอัตลักษณ์เฉพาะที่งดงามตามแต่ละภูมิภาคและเป็นประเพณีที่แสดงให้เห็นถึงความ รัก ความสามัคคีกลมเกลียวของคนในครอบครัวและชุมชนอันเป็นอุปนิสัยของคนไทยทุกคนได้อย่างชัดเจน และด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ยังส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ขอเชิญชวนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนชาวไทยร่วมกันอนุรักษ์สืบสานประเพณีสงกรานต์ของไทย ให้เป็นสงกรานต์วิถีใหม่ที่ยังคงความงดงามตามเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษ โดยปฏิบัติตามแนวทางมาตรการของรัฐในการจัดกิจกรรมอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เทศกาลนี้เป็นเทศกาลแห่งความสุขและปลอดภัย ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน จะทำให้เทศกาลสงกรานต์ในปีนี้เป็นเทศกาลที่ทรงคุณค่า
“ขออวยพรให้ชาวไทยประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีกำลังกาย กำลังใจและกำลังสติปัญญาที่เข้มแข็งมีความรักความสามัคคีกัน และเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ”