จากกรณีที่มีคนภาพที่มีคนแชร์กันเป็นจำนวนมาก ในแอปพลิเคชั่นดัง ซึ่งมีหนุ่มคนขายพวงมาลัยบริเวณสี่แยกไฟแดง ช่วยวิ่งโบกรถพยาบาล ที่รับคนป่วยมา เพื่อจะส่งต่อไป รพ.เพื่อรักษา พบครอบครัวยากจนมากขนาดพัดลมยังต้องขอยืมคนอื่มาใช้
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 13 เม.ย.64 ความคืบหน้ากรณีที่มีคนนำภาพไปแชร์ในเฟสบุ๊ค ใช้ชื่อว่า “ฅนอำเภอพานทอง จ.ชลบุรี” มีข้อความว่า ใครผ่านไปผ่านมาสี่แยกดอนหัวฬอฝากอุดหนุนพี่ที่ขายพวงมาลัยด้วยนะคะจะได้เป็นกำลังใจให้พี่เขาทำความดีต่อไป ซึ่งมีผู้เข้ามาคอมเม้นแสดงความเห็นชื่นชมเป็นจำนวนมาก บางคนยังบอกว่าผ่านไปจะช่วยซื้อพวงมาลัย โดยที่บริเวณสี่แยกไฟแดงดอนหัวฬ่อ ถนนศุขประยูร หมู่ 4 ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้พบกับนายปิยพงษ์ พรมมา อายุ 31 ปี พ่อค้าขายพวงมาลัยที่ปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าวกำลังทั้งวิ่งและเดินขายพวงลัยโดยมีคนขับรถยนต์ซื้อพวงมาลัย
สอบถามนายปิยพงษ์ เผยว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน เวลาประมาณ 10 โมง ตนได้เดินขายพวงมาลัยอยู่บริเวณสี่แยกดังกล่าว และบริเวณสี่แยกดังกล่าวนั้นได้มีการจราจรหนาแน่นซึ่งเป็นเรื่องปกติของบริเวณสี่แยกนี้อยู่แล้วตนได้เห็นรถพยาบาลของโรงพยาบาลพานทอง ซึ่งได้เปิดไฟไซเรนและเปิดเสียงวิ่งมามุ่งหน้าไป จ.ชลบุรี จึงวิ่งนำหน้าและพยายามโบกให้รถที่อยู่ในเส้นทางให้ช่วยแอบข้างทางเพื่อให้รถพยาบาลคันดังกล่าวใช้เส้นทางได้สะดวกขึ้นและตนก็ไม่ได้คิดอะไร จนพี่สาวแชร์มาให้ดูจึงทราบ
สอบถามนายปิยพงษ์เพิ่มเติมได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า มีอยู่วันหนึ่งตนได้ช่วยโบกให้รถพยาบาลนำคนป่วยไปโรงพยาบาลชลบุรี การจราจรรถก็เยอะมาก ตนชะโงกไปดูในรถพบว่าเป็นพ่อของตนป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตก จากการที่รถติดทำให้พ่อตนเข้ารับการรักษาไม่ทันอาการสาหัส นอนรักษาอยู่ทุกวันนี้โดยใช้สิทธิ์ 30 บาท ดังนั้นเมื่อตอนเห็นรถพยาบาลทุกครั้ง เมื่อรถติดตนก็จะวิ่งไปโบกให้รถที่จอดอยู่ในเส้นทางให้เปิดทางทุกครั้ง ส่วนในการขายพวงมาลัยนั้นตนจะมาขายอยู่บริเวณแยกดังกล่าวตั้งแต่เวลา 06.00 น.-14.00 น. ของทุกวัน ตนเองนั้นพักอยู่ที่ อ.พนัสนิคม รายได้ต่อวันอยู่ที่ประมาณ 300 บาท ต่อวัน พวงมาลัยดังกล่าวตนเองนั้นได้รับมาจากคนกลางในราคาพวงละ 15 บาท นำมาขายพวงละ 20 บาท พอเลี้ยงชีพได้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 10 ต.ท่าบุญมี อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี พบเป็นบ้านชั้นเดียวปลูกด้วยไม้และอิฐหลังคาสังกะสี โดยได้เช่าที่ดินคนอื่นปลูกพอได้อาศัย ห้องครัวและภายในบ้านไม่มีเครื่องใช้ ที่เตียงแบบยกได้พบนายเอนก พรมมา อายุ 49 ปี บิดานายปิยพงษ์ ที่นอนป่วยเป็นโรคเลือดในสมองแตก ต้องให้อาหารทางสายยาง และต่อท่อปัสสาวะออกมา ซึ่งนายปิยพงษ์ จะคอยเช็ดหน้าและตัวให้บ่อยครั้งเนื่องจากอากาศร้อน
ซึ่งต่อมาได้มี พระครูสังฆรักษ์สุริยา ถิรสัทโธ เจ้าอาวาสวัดวรพรตสังฆาวาส ต.บ้านเก่า อ.พานทอง จ.ชลบุรี ทราบจากข่าวไทยรัฐทีวี พร้อมญาติโยมได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคเช่นข้าวสาร อาหารแห้ง พัดลม 2 ตัว หม้อหุงข้าว ที่นอน ผ้าแพมเพิล และเงินส่วนตัวมามอบให้ นอกจากนี้ยังมีนายสมยศ พนัสอนุสรณ์ กำนัน ต.ท่าบุญมี นำข้าวสารและไข่ไก่พร้อมเงินส่วนตัวมอบให้ โดยมีนายศรีรัฐ ศรีจันทรฉาย ว่าที่นายกเทศบาลตำบลท่าบุญมี พร้อมทีมงานมาดูแลในฐานะลูกบ้านด้วย
นางวรรณี พรมมา อายุ 68 ปี ( ย่านายปิยพงษ์ ) เผยว่า ภูมิใจที่หลานชายเป็นคนดีของสังคม อยากให้หลานชายได้บวช ตนจะได้เกาะผ้าเหลือง แต่เงินไม่มีและทุกวันนี้ขายของลำบากตั้งแต่มีไวรัสโควิดมา ค่าใช้จ่ายก็สูง ตนก็เป็นโรคมะเร็ง และเป็นโรคกระดูกทับเส้นอีกด้วยแต่ก็ไม่มีเงินรักษา จึงต้องอยู่ไปแบบตามมีตามเกิด
นายสมยศ พนัสอนุสรณ์ กำนัน ต.ท่าบุญมี กล่าวว่า ดีใจที่หนุ่มลูกบ้านคนนี้เป็นคนดีมีน้ำใจ อยากให้คนไทยมีน้ำใจแบบนี้ทุกคน วินาทีคนป่วยนั้นมีค่าแค่วินาทีเดียวก็อาจสูญเสียได้ ขอให้คนไทยช่วยกัน
นายปิยพงษ์ พรมมา หนุ่มขายพวงมาลัย กล่าวทั้งน้ำตาว่า อยากฝากบอกทุกคนถ้าเห็นพยาบาลหรือรถกู้ภัยฯที่นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลให้หลีกทางให้หน่อย เพราะทุกนาทีมีค่าเหมือนพ่อผมไปส่งไม่ทันถึงเป็นแบบนี้ ตอนนี้ลำบากมากขายพวงมาลัยก็ไม่ค่อยได้ เพราะโควิด รายได้ไม่พอรายจ่าย เพราะสายยางต่างๆเราต้องซื้อเอง ไหนจะค่าซื้อกินในครอบครัว ค่าแพมเพิล ถ้าพ่อหายแล้วมีเงินพอให้พ่อ ย่า และน้อง ได้ใช้จ่ายอยากจะบวชให้พ่อแม่ แต่ต้องดูว่ามีเงินพอไหม ซึ่งทางด้านพระครูสังฆรักษ์สุริยา ถิรสัทโธ เจ้าอาวาสวัดวรพรตสังฆาวาส ได้บอกว่า ถ้าอยากบวชเมื่อไหร่ไปหาที่วัดได้เลยจะบวชให้ฟรี ค่าใช้จ่ายในการบวชจะออกให้ ซึ่งทุกคนต่างยกมือสาธุ โดยทั้งนายปิยพงษ์ หนุ่มขายพวงมาลัยนายอเนก ผู้เป็นพ่อและนางวรรณี ผู้เป็นย่านั้นถึงกับร่ำไห้ด้วยความปลื้มใจ
โดยถ้าใครมีจิตเมตตาจะช่วยครอบครัวนี้ก็ช่วยไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาเกาะโพธิ์ ชลบุรี เลขที่บัญชี 981 – 5 – 12607 – 5 นางวรรณี พรมมา ( ย่านายปิยพงษ์ ) เจ้าของบัญชี ซึ่งจะมีนายสมยศ พนัสอนุสรณ์ กำนัน ต.ท่าบุญมี และนายศรีรัฐ ศรีจันทรฉาย ว่าที่นายกเทศบาลตำบลท่าบุญมี จะเป็นผู้คอยตรวจสอบบัญชีไม่ให้มีมิจฉาชีพมาหลอกลวง และจะคอยแนะนำการใช้จ่ายเงินในบัญชีให้อีกด้วย