สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางออสเตรเลีย ต้องล้มเลิกเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้แก่ประชาชนซึ่งมีจำนวนราว 26 ล้านคนให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ภายหลังจากได้รับคำแนะนำชุดใหม่ว่า ผู้ที่มีอายุไม่ถึง 50 ปี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดฯ ขนานของบริษัทไฟเซอร์ สหรัฐฯ ที่วิจัยพัฒนาร่วมกับบริษัทไบโอเอ็นเทค เยอรมนี มากกว่าขนานของบริษัทแอสตราเซเนกา ที่วิจัยพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีรายงานผลกระทบข้างเคียงก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันแก่ผู้รับการฉีดส่วนหนึ่งในภูมิภาคยุโรป และทางการออสเตรเลียมีสำรองวัคซีนขนานของบริษัทแอสตราเซเนกาฯ เป็นส่วนใหญ่
โดยนายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยยอมรับถึงการล้มเป้าหมายดังกล่าว พร้อมระบุว่า วัคซีนขนานของบริษัทไฟเซอร์ฯ จำนวน 40 ล้านโดสที่ทางการออสเตรเลียสั่งซื้อไปนั้น จะมาถึงออสเตรเลียในสิ้นปีนี้ ทำให้ไม่สามารถฉีดวัคซีนแก่ประชาชนได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าทางรัฐบาลต้องการฉีดให้ได้ครบตามเป้าหมายที่วางไว้ในสิ้นปีนี้ก็ตาม
สำหรับ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ในออสเตรเลีย พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 29,426 ราย มากเป็นอันดับที่ 116 ของโลก ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 910 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 26,361 ราย