"เบญจรงค์" ย้ำความเห็นค้านต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสีเขียว ไม่อยากให้ผูกเรื่องหนี้ที่ค้างชำระและการต่อสัมปทานเข้าด้วยกัน ชี้ควรเปิดประมูลใหม่และตั้งเงื่อนไขที่ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด หวังค่าโดยสารถูกลงกว่าเดิม-ได้ใช้โครงข่ายตั๋วร่วมใยแมงมุม ไม่ต้องรอไปอีก 30 ปี ขอทุกฝ่ายตัดสินใจ คำนึงถึงคนรุ่นต่อไปด้วย เมื่อวันที่ 13 เม.ย. นางสาวเบญจรงค์ ธารณา กรรมการบริหารพรรคกล้า ชี้แจงเหตุผลเพิ่มเติมที่ไม่เห็นด้วยกับการให้เอกชนรับภาระหนี้สิน โดยรัฐจะอนุญาตให้สัมปทานเอกชนในการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 30 ปี โดยย้ำว่าไม่ได้มีปัญหากับทางเอกชนหรือ กทม. เพียงแต่มองว่าไม่ควรเอาเรื่องหนี้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการพิจารณาว่าจะขยายสัมปทานหรือไม่ เพราะเมื่อหมดสัญญาแล้ว ก็ควรเปิดให้มีการแข่งขันอย่างถูกต้อง เอกชนไม่ว่ารายใหม่หรือเจ้าเดิม ก็จะได้แข่งขันกันอย่างเท่าเทียมกัน บนเงื่อนไขที่รัฐและประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด ซึ่งมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ก็ออกมาคัดค้านการต่อสัญญา และบอกว่า ค่าโดยสารสามารถถูกลงกว่า 65 บาท ตลอดสายได้ นางสาวเบญจรงค์ กล่าวว่า ในฐานะคนรุ่นใหม่วันนี้อายุ 26 ปี ใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานคร เดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องใช้รถไฟฟ้า และยังคงต้องใช้บริการไปอีกหลายปี เชื่อว่าการเปิดแข่งขันสัมปทานรอบใหม่อาจทำให้ค่าโดยสารถูกลงกว่าเดิม รวมถึงอาจเห็นเงื่อนไขความเป็นไปได้ในการใช้ตั๋วร่วมโครงข่ายใยแมงมุมกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ในการแข่งขันสัมปทานรอบใหม่ แต่หากขยายสัญญาสัมปทานนับจากปีสิ้นสุดสัญญา 2572 ไปอีก 30 ปี อาจทำให้รัฐและผู้ใช้บริการจะต้องอยู่บนเงื่อนไขเดิมไปอีกถึงปี 2602 ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นคนรุ่นเดียวกันกับตนเองก็คงอายุเกิน 60 ปี กันไปแล้ว จึงอยากให้การตัดสินใจของทุกฝ่าย คำนึงถึงคนรุ่นต่อไปที่จะใช้บริการด้วย ส่วนภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลโดย กทม. กับเอกชน นางสาวเบญจรงค์ กล่าวว่า หากมีหนี้สินเกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องที่รัฐควรหาทาง หารายได้มาชำระต่อเอกชน แต่ย้ำไม่ควรนำมา เป็นเงื่อนไขประกอบการพิจารณาว่าจะต่อสัญญาสัมปทานหรือไม่ และขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันหารือถึงการหาแนวทางอื่นที่เหมาะสมมากกว่านี้