จี้รัฐบาล สปป.ลาว หลังปล่อยชาวลาวทั้งช็อตปลา ระเบิดปลา ล่าสุดปลาบึกแม่พันธ์หนักกว่า 250 กิโลกรัมถูกระเบิดตายลอยในแม่น้ำโขง ที่ ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย ชาวบ้านเผยที่ผ่านมาพบปลาหลายชนิดถูกระเบิดตายลอยเกลื่อนแม่น้ำโขง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2564 เวลาประมาณ 15.00 - 16.00น. นางสาวสุภาวดี วิลันดร เครือข่ายเยาวชนคนฮักถิ่นตำบลบ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย ได้รายงานในกลุ่มไลน์คนฮักแม่น้ำโขงว่า ชาวประมงตำบลบ้านม่วง คือนายโค้ง หมื่นรักษาพล ได้ออกหาปลาในบริเวณวัดท่าสองคอน ใกล้แม่โขงริเวอร์วิวรีสอร์ท ได้พบซากปลาบึกขนาดใหญ่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา จึงได้ชวนเพื่อนชาวประมงนำซากปลาขึ้นมาบนฝั่ง น้ำหนักน่าจะ 250-300 กิโลกรัม สภาพใกล้ขึ้นอืด น่าจะเสียชีวิตราวๆ 1-2 วัน ชาวประมงคาดการณ์ว่า น่าจะเกิดจากการระเบิดปลาบริเวณบ้านห้วยขอบ ห้วยเหียม ต.หาดคัมภีร์ อ.ปากชม จ.เลย เพราะบ่อยครั้งที่เกิดการระเบิดของชาวประมงในประเทศเพื่อนบ้าน ปลาใหญ่จะตาย และขึ้นอืดมาโผล่บริเวณนี้ ซึ่ง ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยขึ้น เนื่องจากปลาแม่น้ำโขงหายาก มีราคาแพง ชาวประมง สปป.ลาว จึงใช้วิธีการช็อตปลา การระเบิดปลา เพื่อให้ได้ปลามาขาย นายโค้ง หมื่นรักษาพล ผู้พบปลาบึกคนแรกเล่าว่า ปลาน่าจะน้ำหนักราวๆ 250 กิโลกรัมเป็นอย่างน้อย แต่พอขึ้นอืดแล้ว ตัวโตขึ้น เป็นที่น่าเสียดายที่ราชาแห่งแม่น้ำโขงต้องลดน้อยถอยลงเพราะฝีมือมนุษย์ ซึ่งปลาบึกแทบจะไม่พบแล้วในบริเวณดังกล่าว ส่วนนางอ้อมบุญ ทิพย์สุนา นายกสมาคมเครือข่ายลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯมีเยาวชนคนฮักถิ่น ต.บ้านม่วง ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากไทยพีบีเอส ในโครงการนักข่าวพลเมืองเยาวชนคนริมโขง เพื่อทำหน้าที่รายงานสถานการณ์ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับแม่น้ำโขงในพื้นที่ สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ชี้ให้เห็นว่า นอกเหนือจากการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในจีนและลาว ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรสัตว์น้ำ และระบบนิเวศในแม่น้ำโขงโดยตรงแล้ว ปลาได้ลดลงอย่างมาก ทำให้ปลามีราคาแพง การเอาเปรียบปลา โดยใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย ทั้งช็อตปลา ระเบิดปลา การใช้อวนตาถี่ จึงมีให้เห็นตลอดแนว ซึ่งในฝั่งไทย กรมประมงได้พยายามดำเนินการกวดขันเรื่องนี้ และประชุมชี้แจงกับชุมชนตลอดแนวโขง แต่ในส่วนประเทศเพื่อนบ้าน ไม่สามารถดำเนินการได้ แนวทางที่เครือข่ายฯจะดำเนินการในเบื้องต้นคือ นำเสนอเรื่องนี้ เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญเร่งด่วนกับกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะใช้ในการเจรจาทางการทูตแบบทวิภาคี หนึ่งในหลายๆประเด็นคือแนวทางการจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำและพืชพรรณไม้น้ำ 2 ฝั่งโขง เช่น ทำเขตอนุรักษ์ร่วมกัน ข้อตกลงเรื่องห้ามการช็อตปลา ระเบิดปลา การใช้เครื่องมือแบบไม่ล้างผลาญ การกำหนดเขตท่าทรายในบริเวณระบบนิเวศย่อยอ่อนไหวที่เป็นแหล่งหลบซ่อน เพาะพันธุ์ หรือการคุ้มครองสัตว์น้ำ พรรณไม้พื้นถิ่นในบัญชีไซเตส โดยเฉพาะปลาบึก ซึ่งจัดว่าเป็นราชาแห่งลุ่มน้ำโขง ปลายี่สก หรือปลาเอิน จัดเป็นราชินีแห่งลุ่มน้ำโขง ปัจจุบันลดน้อยลงและอยู่สถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ตลอดจนผลักดันให้เกิดกลไกการทำงานร่วมกัน ระหว่างเจ้าแขวง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายบ้าน มีกลไกภาคประชาชน ประชาสังคม สองฝั่งโขงทำงานรวมกันอย่างเป็นรูปธรรม ที่บางเรื่องไม่ต้องรอกลไกระดับชาติ ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากผลการเจรจาประสพผลสำเร็จ จะส่งผลถึงความร่วมมืออื่นๆ โดยมีฐานงานประเพณีวัฒนธรรม ความเชื่อของประชาชนสองฝั่งโขงที่ใกล้เคียงกันเป็นฐานความร่วมมือที่สำคัญ ด้านชาวบ้านม่วง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย เรียกร้องให้รัฐบาล สปป.ลาว ลงมากำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าเมืองสังทอง เพราะชาวบ้านฝั่งประเทศไทยได้แจ้งทางการ สปป.ลาว ไปหลายรอบเรื่องให้กวดขันการช็อตปลา ระเบิดปลาของชาว สปป.ลาว แต่กลับไม่สนใจดำเนินการแต่อย่างใด และมีการกระทำที่รุนแรงขึ้นทุกวัน สร้างผลกระทบระยะยาวต่อปลาชนิดต่างๆในแม่น้ำโขง.