วันนี้(10 เม.ย.64)​ นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช​ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดและมาตรการป้องกันโควิด-19 ของจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ว่า มีการตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก จำนวน 3 ราย รวมเป็น 4 ราย โดยผู้ป่วยที่เพิ่มมาจากกิจกรรมส่งมอบสนามฟุตบอลที่อำเภอพิปูน 1 ราย (รวมเป็น 2 ราย) ส่วนกลุ่มเสี่ยงจำนวนกว่า 130 คน ได้สวอปตรวจหาเชื้อแล้วผลไม่พบเชื้อหรือเป็นลบ สำหรับผู้ป่วยอีก 2 ราย ติดเชื้อหลังกลับจากไปเที่ยวสถานบันเทิงที่ทองหล่อ กรุงเทพฯ ขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบว่า ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของผู้ติดเชื้อหรืออยู่ในไทม์ไลน์ของคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อขอให้ไปตรวจหาเชื้อฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายขอให้รีบไปตรวจ ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชนชาวนครศรีธรรมราช จึงได้มีการปิดสถานบริการ หรือสถานที่คล้ายสถานบริการ เช่น ผับ บาร์ คาราโอเกะ เป็นต้น เป็นเวลา 14 วัน โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนแจ้งให้ทราบอีกครั้ง และมาตรการการเดินทางเข้ามาในจังหวัด ยังไม่ประกาศเหมารวมว่ามาจากจังหวัดเสี่ยงต้องกักตัว โดยจะพิจารณารายละเอียดเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น คลัสเตอร์ทองหล่อ จะไม่เหมารวมว่ากรุงเทพฯทั้งหมดต้องกักตัว แต่ต้องแสดงให้รู้ว่าถ้ามาจากกรุงเทพฯต้องแสดงประวัติ ลงรายละเอียดให้เจ้าพนักงานควบคุมโรครู้ว่า ท่านไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยงตามไทม์ไลน์ที่ปรากฎ และมีเหตุจำเป็นในการเดินทางเข้ามา ก็จะได้รับการวินิจฉัยพิจารณาจากเจ้าพนักงานควบคุมโรค ส่วนมาตรการที่จะนำไปสู่การกักตัวต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน กรณีแรกที่พบว่ามีอุณหภูมิสูง ประวัติไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มคลัสเตอร์ หรือประวัติอยู่ในไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายใดรายหนึ่งอาจจะต้องคุมไว้สังเกตอาการ แยกกัก เพื่อสวอปเชื้อทันที ถ้าเป็นกลุ่มที่ไม่สามารถสวอปเชื้อได้ เพิ่งสัมผัสมาตรวจแล้วไม่เจอต้องไปกักกันหรือที่เรียกว่ากักตัว การกักกันหรือกักตัวมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ โฮมควอรันทีน(Home Quarantine)คือกักตัวที่บ้าน Self Quarantine คือกักตัวเองที่ใดที่หนึ่งที่เป็นเอกเทศไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใด และกักกันกลาง(Local Quarantine) กรณีที่กลับไปบ้านแล้วคนที่บ้านไม่ปลอดภัยด้วย โดยไปกักในพื้นที่ภูมิลำเนาที่เราอยู่โดยให้เจ้าพนักงานควบคุมโรครับดำเนินการต่อไป ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช กล่าวเสริมว่า ส่วนการจัดงานประชุม สัมมนาต้องให้นายอำเภอพิจารณาดูสถานที่ ดูจำนวนคนและดูมาตรการ ยังไม่มีการห้ามทั่วไป ส่วนการจัดกิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ เช่นการสาดน้ำ ประแป้ง พบปะฉลองสังสรรค์ของดทั้งหมด ให้จัดได้งานตามประเพณี เช่นการสรงน้ำพระ รดน้ำขอพร เจริญพระพุทธมนต์ ส่วนการจัดงานผู้สูงอายุไม่ได้ห้ามแต่ขอให้มีมาตรการที่ดูแลที่ชัดเจนขึ้น( D-M-H-T-T)เพราะผู้สูงอายุและเด็กเล็กเป็นกลุ่มเสี่ยง การเว้นระยะห่างต้องเว้นระยะจริง ๆ จัดระบบระเบียบในการป้องกันจริง ๆ ที่แคบหรืออากาศไม่ถ่ายเทต้องงดจัด