เมื่อวันที่ 10 เม.ย.64 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.บก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.พิเชต ชมมณฑา สว.กก.2 บก.ป. ร่วมกันจับกุมนายถิรวิทย์ หรือมิกซ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 250/2563 ลงวันที่ 5 ต.ค.63 ในข้อกล่าวหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และฉ้อโกง” และหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.817/2563 ลงวันที่ 30 ต.ค.63 ในข้อกล่าวหา “ฉ้อโกงทรัพย์” ได้ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าย่านรังสิต ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
เมื่อปี 2563 ผู้ต้องหาได้โพสต์ขายโทรศัพท์มือถือลงในกลุ่มซื้อขายโทรศัพท์มือถือผ่านเฟซบุ๊ค โดยตั้งราคาขายไว้ประมาณ 20,000 บาท ต่อมามีผู้เสียหายสนใจจึงตกลงซื้อขายและโอนเงินไปให้กับผู้ต้องหา แต่ภายหลังผู้เสียหายกับไม่ได้รับโทรศัพท์ตามที่ตกลงซื้อขายกันไว้ เมื่อพยายามติดต่อไปหาผู้ต้องหา ปรากฎว่าติดต่อไม่ได้ และผู้ต้องหามีการเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊คใหม่ พร้อมกับโพสต์ขายโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวอีกครั้ง ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอก จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อดำเนินคดีต่อไป
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายถิรวิทย์ฯ (ผู้ต้องหา) ได้หลบหนีมาทำงานอยู่บริเวณ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบผู้ต้องหาจึงเข้าจับกุมนำตัวพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดี จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าในห้วงปี 63 ผู้ต้องหายังมีหมายจับและเคยถูกจับกุมในคดีต่างๆ อีกหลายคดี เคยถูกจับ ฉ้อโกงทรัพย์ สน.ร่มเกล้า โดยแอบอ้างตนเป็นตัวแทนของคลินิกชื่อดัง หลอกขายคอร์สรักษาสิวให้กับผู้เสียหาย
และมีหมายจับในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ ของ สน.บางชัน สืบเนื่องผู้เสียหายมาใช้บริการที่คลินิกชื่อดังจากนั้นผู้ต้องหาได้เสนอโปรแกรมดูแลรักษาสิวให้ผู้เสียหายในราคา 4,400 บาท โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ต้องหา ซึ่งภายหลังเมื่อผู้เสียหายไปใช้บริการกลับไม่สามารถใช้บริการโปรแกรมรักษาสิวที่ผู้ต้องหาแนะนำได้ ผู้เสียหายจึงได้มาเเจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีดังกล่าว
เมื่อปี 2563 ผู้ต้องหาได้โพสต์ขายโทรศัพท์มือถือลงในกลุ่มซื้อขายโทรศัพท์มือถือผ่านเฟซบุ๊ค โดยตั้งราคาขายไว้ประมาณ 20,000 บาท ต่อมามีผู้เสียหายสนใจจึงตกลงซื้อขายและโอนเงินไปให้กับผู้ต้องหา แต่ภายหลังผู้เสียหายกับไม่ได้รับโทรศัพท์ตามที่ตกลงซื้อขายกันไว้ เมื่อพยายามติดต่อไปหาผู้ต้องหา ปรากฎว่าติดต่อไม่ได้ และผู้ต้องหามีการเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊คใหม่ พร้อมกับโพสต์ขายโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวอีกครั้ง ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอก จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อดำเนินคดีต่อไป
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายถิรวิทย์ฯ (ผู้ต้องหา) ได้หลบหนีมาทำงานอยู่บริเวณ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบผู้ต้องหาจึงเข้าจับกุมนำตัวพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดี จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าในห้วงปี 63 ผู้ต้องหายังมีหมายจับและเคยถูกจับกุมในคดีต่างๆ อีกหลายคดี เคยถูกจับ ฉ้อโกงทรัพย์ สน.ร่มเกล้า โดยแอบอ้างตนเป็นตัวแทนของคลินิกชื่อดัง หลอกขายคอร์สรักษาสิวให้กับผู้เสียหาย
และมีหมายจับในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ ของ สน.บางชัน สืบเนื่องผู้เสียหายมาใช้บริการที่คลินิกชื่อดังจากนั้นผู้ต้องหาได้เสนอโปรแกรมดูแลรักษาสิวให้ผู้เสียหายในราคา 4,400 บาท โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ต้องหา ซึ่งภายหลังเมื่อผู้เสียหายไปใช้บริการกลับไม่สามารถใช้บริการโปรแกรมรักษาสิวที่ผู้ต้องหาแนะนำได้ ผู้เสียหายจึงได้มาเเจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีดังกล่าว