กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยยอดผู้ใช้บริการออนไลน์ทะยานเพิ่มขึ้นไม่หยุด บ่งชี้ถึงภาคเอกชนและประชาชนปรับตัวรองรับเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว สนับสนุนให้กรมฯ ก้าวสู่การเป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์แบบเร็วขึ้น เผยบริการออนไลน์ครอบคลุมทั้งด้านการจดทะเบียนธุรกิจ ข้อมูลธุรกิจ และส่งเสริมธุรกิจ รวมทั้งอีกหลายบริการออนไลน์ที่กำลังจะพัฒนาต่อยอดเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานให้สะดวก ง่าย คล่องตัว ประหยัดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ สร้างโอกาสทางการแข่งขันที่เหนือกว่า ย้ำภาครัฐพร้อมอำนวยความสะดวกและให้บริการภาคธุรกิจและประชาชนอย่างเต็มที่ นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มีนาคม 2564) สถิติผู้เข้ามาใช้บริการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าผ่านช่องทางออนไลน์มีจำนวนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เริ่มจากด้านการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ ‘การจองชื่อนิติบุคคลออนไลน์’ ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกก่อนเข้าสู่การจัดตั้งนิติบุคคล เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2556 มีผู้ใช้บริการแล้ว 2,081,580 คำขอ โดยปัจจุบันได้รวมขั้นตอนนี้เข้ากับระบบจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจออนไลน์ หรือ ‘e-Registration’ ช่วยลดขั้นตอนการจัดตั้งธุรกิจให้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึง สามารถมอบอำนาจให้ผู้แทน 6 ประเภท ได้แก่ ผู้ทำบัญชี หัวหน้าสำนักงานบัญชีคุณภาพ ผู้รับรองลายมือชื่อจดทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด ผู้บังคับหลักประกัน ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ผู้ที่เป็นสามัญสมาชิกและสมาชิกวิสามัญแห่งเนติบัณฑิตยสภา สามารถจัดทำและยื่นคำขอจดทะเบียนแทนผู้ประกอบการได้ สามารถยืนยันตัวตนผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยไม่ต้องเดินทางมายังกรมฯ รวมถึงปรับรูปแบบการกรอกข้อมูลให้ง่ายขึ้น ทั้งนี้จากสถิติการใช้บริการผ่านระบบ e-Registration ที่เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2560 พบว่า มีธุรกิจให้การตอบรับเข้ามาจดทะเบียนฯ มากถึง 50,240 คำขอ ขณะที่ด้านข้อมูลธุรกิจ มีบริการที่สามารถเข้าใช้งานผ่านหลายช่องทาง ได้แก่ ‘e-Service’ บริการออกหนังสือรับรอง รับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ และตรวจค้นเอกสาร เริ่มให้บริการตั้งแต่ 16 มกราคม 2549 ผ่าน 3 ช่องทาง คือ Walk-in, EMS, Delivery และเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 ได้เปิดให้บริการ DBD e-Certificate File เป็นบริการข้อมูลในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อตอบโจทย์การทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ โดยมีผู้เข้าใช้บริการผ่านระบบ e-Service ทั้งหมด 1,158,150 ราย และยังร่วมมือกับธนาคารที่เป็นพันธมิตรให้บริการ ‘e-Certificate’ การขอหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านธนาคาร จำนวน 10 แห่ง 3,747 สาขา มีผู้ใช้บริการแล้ว 935,574 ราย นับตั้งแต่เปิดให้บริการมา “กรมฯ ยังมีบริการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลด้วยตนเองผ่าน 2 ช่องทางคือ ‘DBD Datawarehouse+’ เข้าใช้งานผ่าน www.dbd.go.th เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 มีผู้ใช้บริการแล้ว 27,796,305 ครั้ง และแอพพลิเคชั่น ‘DBD e-Service’ เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2557 ครอบคลุมบริการประเภทต่างๆ อาทิ ข้อมูลนิติบุคคล/งบการเงิน และร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนพาณิชย์ เป็นต้น มีผู้ใช้บริการแล้ว 33,039,757 ครั้ง และกำลังพัฒนาข้อมูลให้รองรับผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความละเอียดของข้อมูลในเชิงลึกแต่ละรายพื้นที่ วิเคราะห์ความเหมาะสม และสามารถพยากรณ์โอกาสการเติบโตของธุรกิจในแต่ละพื้นที่ได้ ซึ่งจะส่งเสริมให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้อย่างถูกทิศทางและปรับตัวได้รวดเร็ว สำหรับบริการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ‘DBD e-Filing’เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2558 โดยนิติบุคคลหันมานำส่งงบการเงินผ่านระบบ DBD e-Filing แทนการนำส่งในรูปแบบกระดาษเกือบร้อยละ 100 โดยการนำส่งงบการเงินประจำปี 2562 มีผู้ใช้ระบบนี้มากถึง 563,556 ราย คิดเป็นร้อยละ 98 ของนิติบุคคลที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด 575,679 ราย” อย่างไรก็ตาม กรมฯ ขอขอบคุณภาคธุรกิจและประชาชนที่ใช้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ แสดงถึงความเชื่อมั่นต่อการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการให้บริการ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้กรมฯ ก้าวไปสู่การเป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์แบบได้เร็วมากยิ่งขึ้น และจากสถิติการใช้งานบริการออนไลน์ข้างต้น บ่งชี้เป็นอย่างดีว่าภาคธุรกิจไทยมีความพร้อมที่จะเข้าสู่โลกการค้ายุคดิจิทัล และรองรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมาช่วยลดภาระด้านเวลาและค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ภาครัฐพร้อมอำนวยความสะดวกและให้บริการภาคธุรกิจและประชาชนอย่างเต็มที่ และให้สัญญาว่าจะพัฒนาการให้บริการในทุกๆ ช่องทางให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชน ตลอดจนสนองนโยบายของรัฐบาลตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศด้านการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาการให้บริการประชาชน