พาณิชย์ จ.บุรีรัมย์ ออกตรวจร้านค้าโชว์ห่วย จำหน่ายอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม รอบบริเวณสถานี บขส.และ สถานีรถไฟ ป้องปรามพ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสขึ้นราคา เอาเปรียบประชาชน และผู้โดยสารที่เดินทางทั้งไปและกลับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบหลายร้านขายสินค้าได้น้อยลง
วันนี้ (9 เม.ย.64) นายปรารภ ลิไธสง พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายจักรพล จงใจภักดิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบและติดตามสถานการณ์สินค้า ตามร้านค้าปลีกหรือร้านโชว์ห่วย ที่จำหน่ายอาหาร ผลไม้ ขนมอบกรอบ น้ำดื่ม หรือของใช้ที่จำเป็นสำหรับเดินทาง เช่น ยาอม ยาดม ยาหม่อง บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์ และสถานีรถไฟบุรีรัมย์
เพื่อป้องปรามไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ เป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน ผู้บริโภคและผู้โดยสารที่มาใช้บริการสถานีขนส่ง และสถานีรถไฟ เพื่อเดินทางทั้งไปและกลับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งตรวจเข้มการปิดป้ายแสดงราคารายการสินค้าให้ผู้บริโภคมองเห็นอย่างชัดเจน รวมถึงคุณภาพและปริมาณสินค้าที่นำมาวางจำหน่าย
พร้อมทั้ง แจกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 71 พ.ศ.2563 เรื่อง การแสดงราคาสินค้าและค่าบริการ และกำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฏหมายโดยเคร่งครัด
จากการออกสุ่มตรวจร้านจำหน่ายสินค้า อาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม รอบสถานีขนส่งผู้โดยสาร และสถานีรถไฟ ยังไม่พบการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาเอาเปรียบผู้โดยสาร แต่พบผู้ประกอบการหลายรายแจ้งว่าปีนี้ขายสินค้าได้น้อยลงกว่าเดิมมาก เนื่องจากยังไม่มีผู้โดยสารมากสักเท่าไหร่ที่เดินทาง และแวะมาซื้อสินค้า
นายปรารภ ลิไธสง พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การออกตรวจร้านค้าปลีก หรือร้านโชว์ห่วย จำหน่ายสินค้า อาหาร เครื่องดื่มรอบสถานีขนส่งผู้โดยสาร และสถานีรถไฟในครั้งนี้ ก็เพื่อป้องปรามไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้โดยสารที่จะเดินทางทั้งไปและกลับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม หากผู้โดยสาร หรือผู้บริโภครายใด ถูกเอารัดเอาเปรียบสามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการเอาผิดผู้ประกอบการร้านค้าตามกฎหมายต่อไป
โดยหากไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า ก็จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หากจำหน่ายแพงเกินความเป็นจริงก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน100,000 บาท และหากมีการประวิงหรือปฏิเสธการจำหน่าย ก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ