วันที่ 17 ก.ย. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สังคมให้ความสนใจและเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆทำความจริงให้ปรากฏกรณีเรือเหาะและอุปกรณ์ตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานในการจัดซื้อจัดจ้างยุทโธปกรณ์ต่างๆของหน่วยงานราชการอันเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศ ก็เป็นไปตามแนวคิดที่ร่างไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ การที่ สตง. ระบุว่าจะหยิบยกเรื่องของการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 มาตรวจสอบพร้อมๆกับเรือเหาะถือเป็นเรื่องดี เป็นการหารกล้าทำเรื่องดังกล่าวเพื่อชาติ และประชาขน ในอนาคตใครมาเป็นรัฐบาลจะได้มีมาตรฐานในการใช้เงินภาษีประชาชนให้คุ้มค่ามากที่สุด นายจิรายุ กล่าวอีกว่าเรืองเรือเหาะ นั้นตนอยากใ้ห้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน นอกจากไปดูเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างและความคุ้มค่าของการใช้งานแล้วลองไปตรวจสอบดูว่าในช่วงที่ใช้เรือเหาะแล้วมีปัญหานั้นยังอยู่ในช่วงการรับประกันของบริษัทตัวแทนผู้นำเข้าหรือไม่เหตุใดจึงไม่ส่งซ่อมกับบริษัทผู้นำเข้าแต่กลับไปมีการตั้งงบเบิกค่าซ่อมบำรุง หลังการหมดรับประกันสินค้าแล้วหรือไม่เพราะเมื่อสินค้าอยู่ในช่วงเวลารับประกันของผู้ขายย่อมต้องซ่อมบำรุงตามสัญญาหรือไม่ นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องของจีที 200 เพื่อให้ประหยัดงบประมาณของประเทศไทย รัฐบาลควรส่งตัวเลขที่ใช้เงินงบประมาณซื้อไปให้กับประเทศอังกฤษเพราะประเทศอังกฤษก็แจ้งให้กับทั่วโลกที่จะซื้อจีที 200 ไปแล้วว่าให้แจ้งตัวเลขกลับไปว่าแต่ละประเทศสั่งซื้อกันไปเท่าไหร่เป็นเงินกี่ 100 กี่พัน ล้านบาท อย่างน้อยก็จะได้เงินส่วนหนึ่งกลับมาเป็นเงินคงคลังของประเทศได้ไม่มากก็น้อย และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินน่าจะทำคู่มือหรือทำคำภีย์ในสองกรณีนี้เพื่อเป็นตัวอย่างในการจัดซื้อจัดจ้างของทุกกระทรวงทบวงกรม ต่อไป