ต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งใหม่กำลังเป็นที่กังวลของคนหลายคน โดยการระบาดครั้งนี้เป็นการระบาดที่ไม่สนใจกลุ่มคนว่าจะเป็นคนกลุ่มใด เพราะทุกคนสามารถพูดได้ว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ตั้งแต่รัฐมนตรี ข้าราชการ ผู้บริหาร นักแสดง สื่อมวลชน หรือคนหาเช้ากินค่ำ ทั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนจะมองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะการป้องกันตัวเองจากการรับเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งการระบาดครั้งนี้จะเรียกว่าเป็นการทดสอบการที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เพื่อหวังที่จะให้มีเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวมาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจประเทศอีกทางหนึ่ง หลังจากตัวเลขการส่งออกยังไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งในเวลาอันใกล้นี้เทศกาลสงกรานต์ ที่จะมีวันหยุดยาวหลายวัน การเดินทางของประชาชนไปยังพื้นที่ต่างๆ ก็จะมากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้นได้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามในการป้องกันตัวเองได้อีกต่อไป!! ขณะเดียวกันมุมมองของนักลงทุนก็จับตามองการระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกัน โดยนักลงทุนมีมุมมองในเรื่องนี้ ซึ่ง “ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส (ASPS)” เผยว่า การระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาเพิ่มขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีศูนย์กลางจากสถาบันเทิง อีกทั้งสัปดาห์หน้ายังเป็นวันหยุดยาว อาจเห็นการเดินทงข้ามพื้นที่มากกว่าปกติ หากกลับมาเกิดการติดเชื้อขยายวงอีกครั้งจะเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น แต่หากผ่านพ้นไปด้วยดี จะทำให้ตลาดกลับมาสดใส   ASPS ประเมินว่า การระบาดครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจช่วงสั้นๆ โดยช่วงเวลาที่ให้น้ำหนัก คือ หลังเทศกาลสงกรานต์ หากผ่านพ้นไปและผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก เชื่อว่าตลาดหุ้นจะอยู่ในทิศทางขาขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันดูดีกว่าปี 63 และช่วงต้นปี 64 ที่เกิดการระบาด เนื่องจาก ปัจจุบันเริ่มมีวัคซีนโควิดในประเทศมากขึ้น ล่าสุดมีผู้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 2.48 แสนราย หรือราว 0.36% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ และวัคซีนชุดใหญ่จากแอสตราเซเนกา จะมาช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ค. ดีกว่ารอบหน้ามาก    อย่างไรก็ตามการระบาดระลอก 3 ในประเทศ น่าจะสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีรายได้หลักในพื้นที่กรุงเทพฯ   ซึ่งหากเปรียบเทียบการระบาดระลอก 2 เมื่อ 21 ธ.ค.63 หลังจากนั้นตลาดหุ้นปรับฐานแรงแค่ 2 วันเท่านั้น จากนั้นค่อยๆฟื้นตัว เนื่องจากการควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อทำได้รวดเร็ว ดังนั้นการระบาดอีกครั้งต้องเฝ้าติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นแรงหลังสงกรานต์หรือไม่ หากทำได้ดีเชื่อว่าการปรับฐานคงไม่ลึกเหมือนครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันไทยเริ่มมีการฉยอยฉีดวัคซีนมากขึ้น อีกทั้งหลายสถาบันมีมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยดีขึ้นในระยะกลาง-ยาว    ฝ่ายวิจัยประเมินแนวรับสำคัญของตลาดหุ้นไทยที่ 1,537 จุด ระยะสั้น หลบหุ้นโควิด-19 เข้าหุ้นที่มีแรงบวกเฉพาะตัว ทั้ง STGT-STEC    “บล.ไอร่า” คาดความกังวลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในไทยที่คาดว่าจำนวนติดเชื้อใหม่จะเร่งตัวขึ้นแรงในช่วงสัปดาห์นี้-หน้า จากการพบพื้นที่ระบาดใหม่ย่านทองหล่อ คาดจะเป็นปัจจัยกระตุ้นความกังวลต่อตลาดหุ้นไทยได้ในระยะสั้น เรายังคงมุมมองปัจจัยดังกล่าวเป็นเพียง Noise เข้ารบกวนตลาดได้บ้างในระยะสั้นเท่านั้นโดยคาดภาครัฐจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีเหมือนการแพร่ระบาดครั้งก่อนๆ และคาดจะไม่ส่งผลต่อภาพของการเตรียมกลับมาเปิดประเทศเพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวในช่วง 3Q-4Q’64 นี้ เรามองเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นในธีมการลงทุนหลักของเราเมื่อตลาดย่อตัว ทั้งนี้เรายังคงมุมมองตลาดหุ้นไทยระยะสั้นแกว่งตัวผันผวนได้บ้างจากปริมาณการซื้อขายที่มีแนวโน้มเบาบางลงไปได้บ้าง จากการชะลอการลงทุนก่อนการเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์   "บล.กสิกรไทย” ระบุว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควดิ-19 ระลอก 3 คาดจะมียอดผู้ติดเชื้อมากที่สุดรอบนี้หลังสงกรานต์ เบื้องต้นการกระทบเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการตัดสินใจด้านมาตรการล็อคดาวน์ และประสิทธิภาพโดยรวม ซึ่งคาดว่าการล็อคดาวในไตรมาส 2/64 อาจเกิดขึ้นในลักษณะการระบาดระลอก 2 ไม่ใช่ full scale lockdown เพราะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และไทยมีการฉีดวัคซีนต่อเนื่อง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก พ.ร.ก.กู้เงิน ยังมีวงเงินเพียงพอบรรเทาผลกระทบได้ ด้าน “อ.ธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน ก.พ. 2564 อยู่ที่ระดับ 29.6 ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ปี 2562 หรือประมาณ 26 เดือน ซึ่งส่วนใหญ่ภาคธุรกิจให้ความกังวลเรื่องของโควิด การแพร่ระบาดครั้งใหม่ที่เกิดขึ้น แผนกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาเดือนละ 2 ล้านคน และแผนการฉีดวัคซีน ที่ยังไม่ชัดเจน เป็นต้น การระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้! รัฐบาล - ภาคเอกชน - ประชาชน ต้องร่วมมือกันผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้! เชื่อว่าไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้!