บุรีรัมย์ สั่งปิดสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิง และสถานประกอบการคล้ายสถานบริการ และงดจัดคอนเสิร์ต ฝ่าฝืน มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
จังหวัดบุรีรัมย์ พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่เพิ่มเติม จำนวน 5 ราย สั่งปิดสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิง และสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ พร้อมงดคอนเสิร์ต หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ ศบค.กำหนด ผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พรก.ฉุกเฉิน โทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(9 เม.ย.) นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดบุรีรัมย์ ออกคำสั่งจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ 2326/2564 เรื่อง สั่งปิดสถานที่ และงดกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ของโรคติดต่ออันตรายเป็นการชั่วคราว เนื้อหาระว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจังหวัดบุรีรัมย์มีรายงานผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่เพิ่มเติม จำนวน 5 ราย มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันที่สถานบันเทิงในกรุงเทพมหานคร โดเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีผู้เดินทางข้ามจังหวัดที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และกิจกรรมการรวมกลุ่มคนจำนวนมากในสถานที่เสี่ยงต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคไปสู่บุคคลอื่นได้ จึงมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน เพื่อให้การควบคุมสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 11/2564 เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2564 จึงมีคำสั่ง ดังนี้
1.ให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการระบาดของโรค เป็นการชั่วคราว ดังนี้ สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิง และสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ
2.งดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค เป็นการชั่วคราว ดังนี้ คอนเสิร์ต หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ ศบค.กำหนด
ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ มีโทษตามนัยมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแห้สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรคสอง(1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น สั่ง ณ วันที่ 8 เมษายน 2564