เมื่อเวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง แต่เมื่อเริ่มเปิดประชุมมีสมาชิกรัฐสภามาประชุมบางตา ไม่ครบองค์ประชุม เนื่องจากมีส.ว.หลายคนไปฉีดวัคซีนโควิดตามโรงพยาบาลต่างๆที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาประสานงานให้ส.ว.ไปฉีดวัคซีน ทำให้ต้องรอสมาชิกมาครบองค์ประชุมเกือบ1ชั่วโมง
กระทั่งเวลา 10.30 น.มีสมาชิกครบองค์ประชุม เข้าสู่วาระประชุมได้ โดยนายพรเพชรแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องกรณีกกต.ขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพ 5 ส.ส.กปปส.ไว้พิจารณา ทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ดังนั้นจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดที่มีอยู่ขณะนี้จึงเหลือ 731 คน มีองค์ประชุม 366คน
จากนั้นจึงเข้าสู่การพิจารณาร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ วาระ2 มาตรา 42/3 - 42/6เรื่องการลงคะแนนออกเสียงโดยเครื่องออกเสียงอิเลคทรอนิกส์หรือทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่กมธ.เพิ่มเติมให้ลงคะแนนออกเสียงประชามติด้วยเครื่องลงคะแนนออกเสียงอิเลคทรอนิกส์ นอกเหนือจากช่องทางลงคะแนนในบัตรลงคะแนนปกติและลงคะแนนทางไปรษณีย์ ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ไม่มีใครคัดค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามในมาตรา 42/6 กรณีให้อำนาจคณะกรรมการสามารถเห็นสมควรให้ลงคะแนนออกเสียงโดยวิธีอื่นได้นอกจากการลงคะแนนด้วยบัตรเลือกตั้ง การลงคะแนนผ่านไปรษณีย์ และการลงคะแนนด้วยวิธีอิเลคทรอนิกส์ ปรากฏว่า มีส.ส.ฝ่ายค้านอภิปรายทักท้วงอย่างมาก เนื่องจากกมธ.ไม่สามารถตอบได้ว่า วิธีการอื่นคืออะไร เกรงว่าจะเป็นการตีเช็กเปล่าให้กกต. ไปกำหนดวิธีลงคะแนนด้วยวิธีใดๆก็ได้ โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า มาตรา42/6 เป็นการเขียนเผื่อไว้ในอนาคต กมธ.ไม่สามารถตอบได้ว่า วิธีการอื่นที่นอกเหนือจากการลงคะแนนด้วยบัตรเลือกตั้ง การลงคะแนนทางไปรษณีย์ และการลงคะแนนทางอิเลกทรอนิกส์คืออะไร เขียนโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะใช้วิธีใดในการออกเสียง คิดแบบไกลเกินไป อะไรที่ฟุ่มเฟือยจะเขียนไปทำไม อย่างไรก็ตามหลังจากที่สมาชิกอภิปรายครบถ้วนแล้วที่ประชุมลงมติเห็นชอบ มาตรา42/3-42/6 ตามที่กมธ.เสนอมาทุกมาตรา