จากกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลัสเตอร์ผับย่านทองหล่อที่กระจายไปหลายจังหวัด โดยทางกระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอศบค.ชุดเล็กออกมาตรการคุมเข้มผับ บาร์ ร้านอาหาร ส่วนกรุงเทพมหานครสั่งปิดสถานบันเทิงใน 3 เขตหลัก ได้แก่ เขตคลองเตย เขตวัฒนา และเขตบางแค เพื่อควบคุมการระบาด ตั้งแต่วันที่ 6-19 เมษายนนั้น
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า เบื้องต้นเห็นด้วยกับการสั่งปิดเเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาเท่านั้น เนื่องจากสามารถลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในภาพรวมได้ แต่ในกรณีที่รัฐบาลอาจมีการพิจารณาสั่งให้ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารกลับไปปิดให้บริการนั่งรับประทานที่ร้านในเวลา 21.00 น.อีกครั้ง หลังจากอนุญาตให้เปิดได้ถึง 23.00 น.เพียงเดือนกว่าๆ นั้นไม่เห็นด้วย เนื่องจากต้องการให้แยกพิจารณาเป็นประเภทธุรกิจและกลุ่มการให้บริการ ซึ่งต้นเหตุของการระบาดของโควิด-19 จนเกิดคลัสเตอร์ใหม่ในครั้งนี้ ไม่ได้มาจากร้านอาหารหรือภัตตาคาร ล่าสุดการระบาดคลัสเตอร์ใหม่ ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการร้านอาหารถูกยกเลิกการจองล่วงหน้าประมาณ 6-10 งาน ทำให้ยอดจองที่ถูกบันทึกไว้ในรายได้ก็ต้องเอาออก และเอาเงินส่วนนี้คืนลูกค้าไป
ทั้งนี้ นางฐนิวรรณกล่าวว่า ตามปกติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คนที่อาศัยในกรุงเทพฯไม่ได้เดินทางออกต่างจังหวัด จะเข้าใช้บริการในร้านอาหารแทน ดังนั้น จากที่คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาในช่วงนี้ อาจทำให้รายได้ต้องหายไปอีกครั้ง ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการสูงมาก เพราะถูกสั่งให้เปิดและปิด รวมถึงลดเวลาการนั่งทานที่ร้านมาโดยตลอด หากรัฐบาลกลับมากำหนดให้เปิดนั่งได้ถึง 21.00 น.อีกครั้ง จะทำให้ร้านอาหารข้างทาง โดยเฉพาะสตรีทฟู้ดได้รับผลกระทบสูงมาก เนื่องจากเวลาในการขายของจะหายไปอีก โดยเฉพาะร้านอาหารที่เปิดให้ในช่วงค่ำจนถึงดึก เพราะกลุ่มลูกค้าจะแตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ อยากให้รัฐบาลพิจารณาในการควบคุมธุรกิจและพื้นที่เสี่ยงเป็นรายประเภทและรายกรณีมากกว่า โดยเฉพาะแหล่งบันเทิงต่างๆ เนื่องจากความแออัดและมาตรการควบคุมอาจยังไม่ได้เข้มข้นมากพอ
โดย นางฐนิวรรณ กล่าวว่า ทางสมาคมภัตตาคารไทย จะมีการทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการพิจารณาขอความเป็นธรรมในการเปิดให้บริการของร้านอาหารต่อไป