“บิ๊กป้อม” ส่ง “ธรรมนัส” คุมสนามเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกทม.” เรียก “ส.ส.กทม.-ส.ก.-หัวคะแนน” เข้าป่ารอยต่อฯ เป่ากระหม่อม ดันช่วย “จักรทิพย์” เต็มที่ พร้อมหนุนปัจจัย “ไพบูลย์” โว“พปชร.” เป็นผู้นำแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อประชาชน ไล่บี้เพื่อไทยเร่งร่วมยื่นร่างฯ “แรมโบ้” เตือนปชช.คิดให้ดีร่วมม็อบ“ก๊วนจตุพร” ระวังถูกหลอกใช้เหมือนปี 53 เชื่อได้ใบสั่ง หวังทำลายบ้านเมืองให้เกิดกลียุค ด้าน“เสื้อแดง”14จว.ใต้ เท“ตู่-จตุพร” เมินร่วมชุมนุม จวกมุ่งสร้างแตกแยก วอนหยุดทำร้ายประเทศ ส่วน “บช.น.” สั่ง จนท.เน้นรักษาความปลอดภัย -ตั้งจุดตรวจค้นอาวุธโดยรอบการชุมนุม ขณะที่ “ฝนกระหน่ำเวทีม็อบ” กระเจิง! “แกนนำ”ย้ำจุดยืนขับไล่ “บิ๊กตู่” ไม่ยุ่ง ม.112 เมื่อวันที่ 4 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่มูลนิ ธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ได้มีการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ผู้ว่าราช การกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสมาชิกสภา กทม. (ส.ก.) โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารั ฐ(พปชร.) เป็นประธานการประชุม รวมทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ตลอดจน ส.ส.กทม. ผู้สมัครส.ก. และหัวคะแนน ประมาณ 30 คน เข้าร่วมประชุม โดยมีการกำหนดแนวทางการทำงานในการสนับสนุน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ที่จะลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ในนามอิสระ เพื่อให้ได้รับการเลือกตั้ง ส่วนในรายละเอียดและการสนับสนุนต่างๆ ร.อ.ธรรมนัส จะเป็นผู้รับผิดชอบ แหล่งข่าวที่เข้าร่วมประชุม เปิดเผยว่า บรรยากาศการประชุมในวันนั้นมี ร.อ.ธรรมนัสซึ่งนั่งหัวโต๊ะร่วมกับ พล.อ.ประวิตรเป็นผู้กล่าวให้แนวทางการทำงานทั้งหมด ขณะที่ พล.อ.ประวิตรเพียงรับฟัง และแสดงท่าทีเห็นด้วยเท่านั้น โดย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวยืนยันว่า พร้อมที่จะสนับสนุนปัจจัยทุกด้านอย่างเต็มที่ ซึ่งในบางประเด็น ผู้เข้าร่วมประชุมบางส่วน เกิดความไม่สบายใจ เนื่องจากเป็นรูปแบบที่เหมาะกับการทำการเมืองในพื้นที่ต่างจังหวัดมากกว่าในพื้นที่กทม. อีกทั้งยังสุ่มเสี่ยงถูกร้องเรียน จนอาจถูกใบเหลือง หรือใบแดงได้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าท้วงติง เนื่องจาก พล.อ.ประวิตรได้แสดงความเห็นด้วยไปแล้ว ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกรณี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุพาดพิงตัวเองและพรรคพปชร.ว่าการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5 ประเด็น 13 มาตรา ไม่จริงใจ เหมือนไม่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า เชื่อว่าเมื่อประชาชนทั้งประเทศได้เห็นพปชร. ยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อประธานรัฐสภาในวันที่ 7 เม.ย.จะทำให้ประชาชนทั้งประเทศ เชื่อมั่นในความจริงใจและจริงจังของพรรค พปชร.ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นประโยชน์จริงๆกับประชาชน “ขณะนี้ประชาชนอยากเห็นการพูดจริงทำจริง เพื่อประชาชนอย่างพรรคพปชร.มากกว่าการที่พรรค พท.ที่มีแต่คำพูดวาทกรรมสวยหรู แต่ไม่ทำอะไรจริงๆจัง ให้เป็นประโยชน์กับประชาชนเลย จึงหวังว่า จะเร่งร่วมยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชนโดยเร็วกว่านี้ ไม่ควรใช้เวลานานอย่างที่เป็นข่าว” ส่วน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง แก้รัฐ ธรรมนูญ ให้ประชาชนได้ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 94.8 มองว่า คนที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะต้องการเปิดช่องทุจริต โกง ในบางมาตรา และ ร้อยละ 94.7 ห่วงนักการเมืองแก้ไขมาตรา ให้ดัดแปลงงบประมาณได้ง่าย ที่น่าเป็นห่วงคือ ร้อยละ 93.3 ระบุ ถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะเปิดช่องให้ไปสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ ในขณะที่ร้อยละ 93.2 เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่แตะหมวดพระมหากษัตริย์เพราะจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายของคนในชาติ ที่น่าพิจารณาคือ ร้อยละ 83.1 เห็นด้วยว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้เสรีภาพที่จำเป็นแก่ประชาชนแล้ว ในขณะที่ ร้อยละ 16.9 ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ ร้อยละ 75.9 ระบุ นักการเมืองเป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศและประชาชนมากกว่า รัฐธรรมนูญ ในขณะที่ ร้อยละ 19.8 ระบุ รัฐธรรมนูญ เป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศและประชาชนมากกว่า และร้อยละ 4.3 ไม่มีความเห็น ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่มองความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองได้ประโยชน์ เพื่อเป้าหมายทางการเมืองและประโยชน์ของแต่ละกลุ่มตระกูลและเครือญาติที่พยายามผูกขาดอำนาจและผลประโยชน์ส่งต่อสืบเนื่องกันมา มากกว่าประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ เช่น แก้เพื่อได้เปรียบทางการเมือง แก้เพื่อเปิดช่องตักตวงประโยชน์ แก้เพื่อลดความเสี่ยงผิดกฎหมาย หรือแก้แม้กระทั่งเปลี่ยนสมดุลสู่การสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ ทั้งนี้ ข้อมูลข่าวสารยังไม่ปรากฏเชิงประจักษ์ให้เห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญมีประโยชน์อย่างไรต่อประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ “รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้เสรีภาพที่จำเป็น มุ่งคุ้มครองและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ และมิได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตปกติของประชาชน แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศและความเจริญของประชาชนกลับกลายเป็นนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองบางคน ที่ปลายทางมักไม่พ้นอำนาจและผลประโยชน์ โดยพยายามลากปัญหาทุกเรื่องให้ผูกไว้กับการแก้รัฐธรรมนูญ หากลงลึกจริง “ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น” คือ ปัญหาใหญ่และเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งของคนในชาติ ที่จำเป็นต้องหาทางออกร่วมกัน” วันเดียวกัน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวถึงการชุมนุมของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ที่บริเวณอนุสรณ์สถานวีรชน พฤษภา 35ในเวลา16.00น. ว่า ขอร้องไปยังประชาชนที่จะเข้าร่วมการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ขอกรุณาได้คิดทบทวนอีกครั้ง ขอให้เห็นแก่ประเทศชาติ บ้านเมือง และประชาชน ที่จะได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการชุมนุม “ผมขอให้ประชาชนที่จะร่วมเคลื่อนไหว อย่าหลงเชื่อ หรือตกเป็นเครื่องมือของนายจตุพร เพราะผมมั่นใจว่าการเรียกร้องในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยโดยแท้จริง แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่เป็นประโยชน์ ส่วนตัวและทำตามใบสั่งของคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง เพื่อหวังทำลายบ้านเมืองให้เกิดกลียุคเท่านั้น และขอให้นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตปี 53 ที่นายจตุพรกับพวกแกนนำ ออกมานำม็อบ สร้างความรุนแรง จนทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก จึงรู้นิสัยของแกนนำเหล่านี้ดีว่าไม่มีจุดยืนอุดมการณ์อะไรเลย ทำเพื่อตนเองและทำตามใบสั่งเท่านั้น บ้านเมืองจะฉิบหายพังพินาศย่อยยับเพียงใดไม่สนใจ ขอเพียงมีแค่ผลประโยชน์ตอบแทนที่ให้มา น่าอับอายที่สุด” ส่วน นายทวี ประหยัด อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคใต้ พร้อมตัวแทนคนเสื้อแดงภาคใต้ ร่วมแสดงเจต นารมณ์ไม่เห็นด้วยกรณี นายจตุพร ออกมาเรียกร้องให้มวลชนคนเสื้อแดง ออกมาชุมนุมขับไล่นายกฯ ภายใต้สถาน การณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19และฝากไปถึงนายจตุพร ให้หยุดสร้างความแตกแยกเสียที เพราะยุคสมัยนี้มวล ชนเริ่มตาสว่างไม่ต้องการให้ใครมาชี้นำ และขอให้หยุดทำร้ายประเทศได้แล้ว ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น.เปิดเผยถึงมาตราการด้านการรักษาความปลอดภัย และการจราจรกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมของนายจตุพร ที่บริเวณอนุสรณ์สถานวีรชน พฤษภา 35 ว่า ผบช.น.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จัดกำลังดูแล โดยเน้นตั้งจุดตรวจค้นโดยรอบพื้นที่ชุมนุมซึ่งคาดว่าจะเตรียมกำลังเพียงพอสำหรับการชุมนุม ส่วนการที่จะมีกลุ่มแนวร่วมสนับสนุนกลุ่ม นปช.นั้นขณะนี้มีหลายกลุ่มที่มีเจตจำนงค์ที่จะมาร่วม โดยคาดว่าจะยุติประมาณ 20.00 น. ถึง 21.00 น.อย่างไรก็ตาม กองบัญชาการตำรวจนคร บาล ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน 3กองร้อย เพื่อมาสลับหมุนเวียนดูแลความสงบเรียบร้อย พร้อมทั้งมาตั้งจุดคัดกรอง บริเวณเลยปากทางเข้าถนนข้าวสาร หน้าร้าน rocco ฝั่งตรงข้ามวัดชนะสงคราม เพื่อคัดกรองรถ และบุคคลที่จะเข้ามาร่วมชุมนุม ให้เกิดความปลอดภัย ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า คณะจัดการชุมนุมของกลุ่มนายจตุพร ได้เริ่มตั้งเวทีปราศรัย และจัดเรียงเก้าอี้ไม่ต่ำกว่า 600 ตัว และติดตั้งระบบเครื่องเสียง จอแอลอีดี เพื่อถ่ายทอดการปราศรัย โดยมีมวลชนคนเสื้อแดงทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมค่อนข้างบางตา โดยใช้ชื่อกิจกรรมว่า “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย” ทั้งนี้ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวว่า การชุมนุมจะเป็นการขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เท่านั้น และมีจุดยืนชัดเจนว่าไม่แตะต้องเรื่องสถาบัน หากพบว่ามีมวลชนของกลุ่มแนวร่วมน้องๆ จากกลุ่มอื่นๆ ที่มาร่วมกิจการมแสดงสัญลักษณ์ ถึง มาตรา112 ก็จะต้องเข้าไปห้ามปราม ทำความเข้าใจ เพราะถือเป็นสิ่งที่ผู้จัดการชุมนุมเป็นห่วง และได้ทำความเข้าใจกับกลุ่มที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมไว้แล้วถึงจุดยืนของการชุมนุม รวมถึงเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ต่อมา เวลาประมาณ 13.30 น. ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก รวมทั้งเกิดลมพัดอย่างแรง ที่บริเวณสถานที่จัดการชุมนุม ทำให้ผู้จัดงานและกลุ่มมวลชนต้องวิ่งหนีหลบฝนกันอย่างวุ่นวาย