ชาวอุตรดิตถ์ พร้อมใจสวมใส่เสื้อสีม่วง ร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติ “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” และวันอนุรักษ์มรดกไทย อุตรดิตถ์ : เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ถนนแปดวา ต.ท่าอิฐ อ.เมืองอุตรดิตถ์ นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ และ วันอนุรักษ์มรดกไทย 2 เมษายน ของทุกปี โดยมีนางวันทนา ดำธรรม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ นายสหวิช อภิชัยวิศรุตกุล รอง ผวจ.อุตรดิตถ์ นายประเดิม เดชายนต์บัญชา นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ นายจักรพรรณ สุวรรณภักดี นายอำเภอท่าปลา นายสุรพันธ์ เจริญทรัพย์ วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวรายงาน นายศักดิ์ตระกูล เลี้ยงประเสริฐ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ นายชวลิต คำเพ็ง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอลับแล ตลอดจนหัวหน้าส่วราชการฝ่ายพลเรือน ทหาร ตำรวจ และ พสกนิกรชาวอุตรดิตถ์ ต่างพร้อมใจสวมใส่เสื้อสีม่วง ร่วมงานเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 2 เมษายน 64 ที่ผ่านมา นายสุรพันธ์ เจริญทรัพย์ วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน จัดกิจกรรมเพื่อแสดงออกถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และ รณรงค์ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่ามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ และ สร้างจิตสำนึกในการดูแลรักษาสถานที่สำคัญในจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย ภาคเช้า กิจกรรมเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก ที่วัดท้ายตลาด อ.เมืองอุตรดิตถ์ และ ภาคเย็น มีการถวายราชสักการะ การลงนามถวายพระพร นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การแสดงศิลปวัฒนธรรม ลิเก ซอล่องน่าน เพลงพื้นบ้าน ดนตรีไทยการเดินแบบผ้าไทย การนำเสนอผลงานมรดกภูมิปัญญา ด้านวิถีชุมชนในรูปแบบของตลาดวัฒนธรรม เพื่อเป็นการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นการใช้ Soft Power สร้างความสุข สร้างรายได้ สร้างความภาคภูมิใจ ให้กับประชาชนในจังหวัดอุตรดิตถ์ ตามนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งในการจัดงานดังกล่าวได้ปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัส Covid-19 อย่างเคร่งครัด นอกจากพระราชกรณียกิจ ด้านวัฒนธรรมและด้านต่าง ๆ นานัปการแล้ว สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระองค์เองพระองค์เดียวปฏิบัติพระราชกรณียกิจ และ ช่วยเหลือประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ถึง 5 ครั้ง ๆ แรก ปี พ.ศ.2533 ทรงนำนักเรียนนายร้อย จปร. มาศึกษาดูงาน ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2535 เปิดอาคารเหล่ากาชาด ครั้งที่ 3 ปี พ.ศ.2550 เยี่ยมประชาชนและประทับแรมเขื่อนสิริกิติ์ ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2551 ช่วยเหลือชาวบ้าน บ้านน้ำต๊ะและบ้านน้ำลี อำเภอท่าปลา จากภัยพิบัติดินโคลนถล่ม และครั้งที่ 5 ในปี 2559 ตรวจเยี่ยมและช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียน ตชด.บุญธรรม-บุญพริ้งและโรงเรียนบ้านบ่อเบี้ย อำเภอบ้านโคก รวมทั้ง ทรงเปิดห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี และ ทรงเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติ 89 นวมินทรบพิตร ของเทศบาลตำบลร่วมจิต อำเภอท่าปลา​ ซึ่งพระราชกรณียกิจทั้งหมดนี้ยังความปลาบปลื้มปิติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อประชาชนชาวอุตรดิตถ์ จึงได้ร่วมใจกันทุกภาคส่วนจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน และร่วมกันถวายพระพรชัยมงคลให้พระองค์หายจากพระอาการประชวร มีพระวรกายสมบูรณ์แข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ เจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน สถิตเป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยตราบนิรันดร์กาล “การรักษาวัฒนธรรม คือ การรักษาชาติ ” นายสุรพันธ์ กล่าว.