คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน แถลงความสำเร็จในการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและสมาคม ในการผ่าตัดรักษานิ่วอุดตันทางเดินปัสสาวะในช้างเป็นครั้งที่ 2 ของโลก โดยล่าสุด พังสายทอง อายุ 50 ปี อาการป่วยขันวิกฤติถูกผ่าตัดนำนิ่วหนัก 1.7 กิโลกรัมออกมาได้ปลอดภัย ซึ่งวงการสัตวแพทย์ต่างชาติออกปากทึ่ง เชิญเขียนหนังสือออกเผยแพร่ทันที ด้านทีมผ่ารักษายินดี ได้ช่วยยืดชีวิตช้างไทย สัตว์คู่บ้านคู่เมืองในอนาคตได้อีก โดยชวนร่วมบุญบริจาคซื้อเครนยกตัวช้างเพื่อการรักษาผ่าตัดครั้งต่อไป
วันนี้ 2 เมษายน 2564 ที่อาคารคลินิกสุขภาพช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม คณะสัตวแพทศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้จัดแถลงข่าว “ความสำเร็จในการผ่าตัดรักษานิ่วอุดตันทางเดินปัสสาวะในช้างเป็นครั้งที่สองของโลก” โดยมี ผศ.น.สพ.ณัญวุฒิ รัตนวนิชย์โรจน์ รองคณบดีคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ รศ.น.สพ.อนุชัย ภิญโญภูมิมิทร์ รองอธิการบดี วิทยาเขตกำแพงแสน ร่วมกล่าวรายงานและเปิดงานแถลงข่าว พร้อมด้วย ตัวแทนคณะทีมงานผ่าตัดและรักษา ประกอบด้วย รศ.น.สพ.ดร.นิกร ทองทิพย์ , อ.สพ.ญ.ดร.สุภาเพ็ญ ศรีพิบูลย์ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ , ผศ.น.สพ.ดร.วีรพงศ์ ตั้งจิตเจริญ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผศ.สพ.ญ.อารีย์ ไหลกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ซึ่งได้นำเอานิ่งในถุงน้ำดีในช้างที่ผ่าตัดมาสำเร็จมาแสดงต่อสื่อมวลชนในการแถลงข่าว
สำหรับการผ่าตัดดังกล่าว เป็นการผ่าตัดช้างพังสายทอง เพศเมีย อายุ 50 ปี ซึ่งถูกส่งตัวเข้ามารับการรักษาที่หน่วยสัตว์ป่าโรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2564 ด้วยอาการปวดเกร็งช่องท้อง ซึม ไม่กินอาหาร จากการซักประวัติ พบว่าพังสายทองมีประวัติปัสสาวะกระปิดกระปอย ปวดเกร็งช่องท้องเป็นระยะ และมีประวัติกินน้ำจากแหล่งที่มีหินปูนสูง
นอกเหนือจากนี้การตรวจร่างกายเพิ่มเติม ด้วยอัลตร้าซาวน์ผ่านทวารหนักพบก้อนนิ่วในกระเพราะปัสสาวะ และการส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะพบก้อนนิ่วอุดตันภายในท่อทางเดินปัสสาวะ ร่วมกับช้างไม่สามารถปัสสาวะได้และมีค่าเลือดที่บ่งบอกการเสียหายของไตสูงกว่าปกติถึง 3-4 เท่า ทางคณะทีมรักษาจึงได้ตัดสินใจทำการผ่าตัดในวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา
การผ่าตัดครั้งนี้กินเวลานานกว่า 6 ชั่วโมงกว่าจะสามารถนำนิ่วออกจากท่อทางเดินปัสสาวะได้ เนื่องจากก้อนิ่วมีขนาดใหญ่ กว้าง 12 เซนติเมตร ยาว 16 เซนติเมตร และมีน้ำหนักมากถึง 1.7 กิโลกรัม โดยถือเป็นการผ่าตัดนำนิ่วในถุงน้ำดีออกมาได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 2 ของโลก แม้จะผ่าตัดสำเร็จแต่พบว่าร่างกายของ พังสายทอง ยังต้องอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อฟื้นฟูสุขภาพต่อไป
การผ่าตัดในครั้งนี้ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับความร่วมมือจาก คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันคชบาลแห่งชาติ ซึ่งได้ส่งบุคลากรเข้ามาร่วมมือในการผ่าตัด โดยสมาคมสหพันธ์ช้างไทยได้มีการประสานความช่วยเหลือรับพายสายทอง จากพัทยา มาทำการรักษาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน
รศ.น.สพ.ดร.นิกร ทองทิพย์ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ เผยว่า เราเคยผ่าตัดสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ของโลก ซึ่งครั้งแรกที่เคยผาตัดสำเร็จเป็นการผ่าตัด พังคำมูล เพศผู้ อายุ 45 ปี เมื่อปี 55 โดยตรวจพบว่ามีนิ่วกระจายเป็นก้อนเล็กๆ ขนาดเท่าลูกแอบเปิ้ล และผลมะนาว จำนวน 162 ก้อน รวมหนักกว่า 8 กิโลกรัม แต่การผ่าตัดใน พังสายทองครั้งนี้ พบว่าก้อนนิ่วนั้นมีขนาดใหญ่เป็นก้อนเดียว ซึ่งการรักษาอาการที่แรกมารับการรักษานั้นมีอาการหนักซึ่งจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด แต่การผ่าตัดได้พบอุปสรรคหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องเครื่องมือ เนื่องจากช้างเป็นสัตว์ใหญ่ การจะให้นอนผ่านั้นเป็นอันตรายต้องมีการว่าจ้างรถเครนมาทำการยกร่างของพังสายทองเพื่อทำการผ่าตัด โดยใช้เวลามากและต้องมีการระดมความสามารถของทีมแพทย์ กระทั่งสามารถดึงเอาก้อนนิ่วออกมาได้สำเร็จ โดยต้องใช้วิธีการฝังเข็มในการลดอาการปวด เนื่องจากเกรงว่าการใช้ยาต่างกับพังสายทองจะมีอันตราย การระดมความรู้ความสามารถจึงได้รับการประสานงานจนได้องค์ความรู้ใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้ในครั้งต่อไปด้วย
รศ.น.สพ.ดร.นิกร กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนเองได้โพสต์เรื่องดังกล่าวออกไป มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในวงการสัตวแพทย์ ยิ่งในต่างชาติ ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวและได้รับการทาบทามให้มีการเขียนหนังสือเพื่อนำเป็นองค์ความรู้ไปเผยแพร่ในต่างประเทศแล้ว และความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงความสำเร็จของวงการสัตวแพทย์ไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวงการช้างไทย ที่มีประวัติคู่กับบ้านเมืองเรามาอย่างยาวนาน ซึ่งการรักษาให้กับช้างที่ได้รับความทุกข์ทรมานให้พ้นจากความเจ็บป่วยถือเป็นเป้าหมายที่คณะทำงานมีความสุขที่ได้ช่วยชีวิตของช้างไทยในวันนี้และอนาคตได้ต่อไป
รศ.น.สพ.ดร.นิกร กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาและอุปสรรคใหญ่ในการรักษาช้างทุกวันนี้ ยอมรับว่ายังมีงบประมาณไม่เพียงพอซึ่ง เฉพาะการรักษา พังสายทองครั้งนี้ ต้องใช้เงินไม่น้อยทั้งเรื่องของอาหาร ยา และอุปกรณ์ในการผ่าตัด ซึ่งที่พบครั้งนี้คือการนำรำเครนมายกร่างของพงสายทอง เพื่อทำการผ่าตัด พบว่ากว่าจะนำรถเข้ามาได้มีความเสี่ยงทั้งทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่รวมถึงพังสายทอง เพราะอาคารที่ใช้รักษาและผ่าตัด ไม่มีระบบลอกและเครนเพื่อยกตัว ซึ่งการดูแลค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุน จากกองทุนรักษาช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ท่านผู้ที่มีจิตศรัทธา สามารถร่วมทำบุญ ในการจัดหาอุปกรณ์ในการติดตั้งเครนและอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ได้ผ่านหมายเลขบัญชี 769-200562-0 ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยเงินทั้งหมดได้นำมาในการดูแลรักษาสัตว์ป่าของเราต่อไปด้วย