เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่าการเชิญประธานศาลฏีกามาชี้แจงต่อที่ประชุมกรรมาธิการไม่ขัดข้อกฎหมายว่า รอฝ่ายกฎหมายของสภาผู้แทนราษฏรพิจารณาว่าทำได้ไม่ได้ ซึ่งก็จะรู้ว่านายรังสิมันต์รู้กฎหมายจริงหรือไม่ หากตีความผิดไม่รู้กฎหมายจริงก็ไม่เหมาะที่จะเป็นกรรมาธิการการกฎหมายฯหรือไม่ ส่วนกรณีที่นายรังสิมันต์ นำข่าวลือตามโซเชียลมาแอบอ้างนั้น กรรมาธิการฯได้พิจารณาแล้วว่าหากข้อมูลไม่เป็นความจริง แต่ได้ออกจากปากของคนที่เป็นผู้แทนราษกร และยังเป็นกรรมาธิการการกฎหมายฯ ก็ต้องรับผิดชอบ เอาไปพูดต่อให้เกิดความเสียหายต่อประธานศลฏีกา ยังเหมาะสมที่จะเป็นส.ส.และกรรมาธิการฯอยู่หรือ เพราะประชาชนเลือกให้มาทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง และพูดแต่ความจริง “หากผลของฝ่ายกฎหมาย สภาออกมาแล้วนายโรมมีความผิดก็ต้องรับผิดชอบ เราจะให้โอกาสลาออกจากการเป็นส.ส. และกรรมาธิการกฎหมาย หากท่านไม่ลาออกผมจะขอมติที่ประชุมกรรมาธิการฯว่าได้ทำเหมาะสมกับหน้เาที่หรือไม่ และควรที่จะเป็นส.ส.และกรรมาธิการฯต่อหรือเปล่า และจะมีการตรวจสอบจริยธรรมส.ส.ด้วย”นายสิระ กล่าว และว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่า ส.ส.พรรคก้าวไกลมุ่งหวังอยู่เพียง 2 เรื่อง คือเรื่องแก้ไขมาตรา 112 และประธานศาลฏีกา พอแก้ไขม.112 ไม่ได้ก็หันมาเล่นงานประธานศาลฏีกา การเป็นส.ส.มีเรื่องให้ทำมากมาย เรื่องในประเทศประชาชนเดือดร้อนมีเต็มไปหมด แต่ส.ส.ก้าวไกลทำอะไรบ้าง กลับทำอยู่แค่2 เรื่องที่เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่าเขามุ่งหวังอะไร ขอให้ประชาชนดูว่าพรรคนี้เขาทำอะไรกันอยู่