เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2564 นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ อดีตส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ระบุจะใช้อำนาจ กรรมาธิการเชิญประธานศาลฎีกา ประมุขของฝ่ายตุลาการ มาชี้แจงถึงเหตุไม่มห้ประกันตัวแกนนำคณะราษฎร ว่า รู้สึกประหลาดใจว่า นายรังสิมันต์ โรมซึ่งเป็นส.ส.ทำหน้าที่พิจารณาออกกฏหมาย แต่กลับไม่เข้าใจบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดอำนาจหน้าที่ของส.ส.ว่ามีขอบอำนาจเพียงใด เพราะการกำหนดอำนาจหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีบัญญัติไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยมาตรา 129กำหนดอำนาจหน้าที่ไว้ว่าคณะกรรมาธิการมีอำนาจพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใดๆและรายงานให้สภาฯทราบตามระยะเวลาที่สภาฯกำหนด และการกระทำดังกล่าวของคณะกรรมาธิการจะต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของสภาฯ ซึ่งบัญญัติไว้ในวรรคสองของมาตรา 129และข้อความต่อมาบัญญัติไว้ชัดด้วยว่า การสอบหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการ จะต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของสภาฯเท่านั้น และ วรรคสี่ของมาตรา 129กำหนด ขอบเขตอำนาจของคณะกรรมาธิการไว้ว่า คณะกรรมาธิการจะเรียกให้ผู้พิพากษาหรือตุลาการที่ปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในกระบวนวิธีพิจารณาพิพากษาอรรถคดีมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นในกิจการดังกล่าวไม่ได้
“ ที่สำคัญ การใช้อำนาจหน้าที่ดังกล่าวก็เป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการ ทั้งคณะลำพังเพียงแค่กรรมาธิการคนใดคนหนึ่ง ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการเรียกบุคคลใดๆมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นต่อคณะกรรมาธิการได้และยังมีมีบทบัญญัติในวรรคสี่ของมาตรา 129 ชัดเจนว่า แม้คณะกรรมการทั้งคณะก็ไม่มีอำนาจที่จะเรียกผู้พิพากษาหรือตุลาการที่ปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในการกระบวนวิธีพจารณาพิพากษาอรรถคดีมาให้ข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นต่อคณะกรรมาธิการได้
ผมในฐานะที่เป็นอดีตส.ส.ซึ่งยึดมั่นและเคารพในการปกครองระบอบรัฐสภา จึงมีความรู้สึกรับผิดชอบว่าสถาบันนิติบัญญัติควรรู้อำนาจหน้าที่ของตน ไม่ใช่เป็นเพียงส.ส.คนหนึ่งคนใดก็ตาม จะมาใช้อำนาจหน้าที่ครอบคลุม ก้าวก่ายไปยังอำนาจหน้าที่ของฝ่ายอื่น
เห็นได้ชัดเจนว่าลำพังนายรังสิมันต์ โรม เป็นเพียงหนึ่งในคณะกรรมาธิการการไม่มีอำนาจหน้าที่ทำแทนคณะกรรมาธิการทั้งคณะได้ การใช้อำนาจที่เกินเลยขอบอำนาจของตัวเอง จึงไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่งและจะอ้างว่า เป็นส.ส.แล้ว จะไม่รู้หรือเข้าใจในหน้าที่และอำนาจของตนตามที่บัญญัติใว้ในรัฐธรรมนูญ ผมจึงต้องพูดเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้สถาบันนิติบัญญัติต้องถูกมองไปในทางที่เสื่อมเสีย และอาจทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในตัวส.ส.ซึ่งจะเป็นการกระทบกระเทือนต่อระบบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาได้” นายไชยวัฒน์ กล่าว