สัปดาห์พระเครื่อง / ราม วัชรประดิษฐ์
"พุทธลักษณะของ ‘พระกำแพงลีลาเม็ดขนุน’ ก้าวย่างไปข้างหน้า ‘พระกำแพงลีลาพลูจีบ’ ท่านกำลังจะเหาะ ส่วน ‘พระกำแพงกลีบจำปา’ ลีลาบนฐานบัวคว่ำบัวหงาย ซึ่งนอกเหนือจากพระพุทธลักษณะที่งดงามสุดยอดแล้ว พุทธคุณก็ยังเป็นเลิศครบครันทั้ง 3 พิมพ์"
นอกจาก “พระกำแพงซุ้มกอ” หนึ่งในสุดยอดพระเครื่องของเมืองไทยแล้ว ที่จังหวัดกำแพงเพชรยังมีพระกรุเก่าที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “สุดยอดพระเครื่องปางลีลา” ของจังหวัด ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่แสวงหาของบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องพระบูชาอย่างกว้างขวางมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยพุทธศิลปะที่มีความงดงามยิ่งนัก เรียกว่าในยุคหลังๆ จะหาช่างฝีมือในการแกะแม่พิมพ์เช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว คนรุ่นเก่ามักเรียกชื่ออย่างคล้องจองกันว่า ‘เม็ดขนุน พลูจีบ กลีบจำปา’ ซึ่งบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของพิมพ์พระไว้อย่างชัดเจน
“พระกำแพงลีลาเม็ดขนุน” มีอายุการสร้างประมาณ 600 กว่าปีเท่าๆ กับพระกำแพงซุ้มกอ มีลักษณะคล้ายเม็ดขนุน พบบริเวณลานทุ่งเศรษฐี แถบ วัดพิกุล วัดบรมธาตุ วัดอาวาสน้อย และบริเวณทั่วๆ ไป มีจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับพระกำแพงซุ้มกอ ในสมัยก่อนจึงมีค่านิยมและสนนราคาเช่าหาจึงสูงกว่าพระกำแพงซุ้มกอมาก
ลักษณะเป็นพระเนื้อดินผสมว่านและเกสรดอกไม้ เนื้อว่านล้วนๆ และเนื้อชิน คล้ายกับพระกำแพงซุ้มกอ ขนาดองค์พระสูงประมาณ 4.5 ซม. กว้างประมาณ 1.5 ซม. นับเป็นพระที่มีพุทธศิลปะงดงามมาก สันนิษฐานว่าจำลองมาจากพระพุทธรูปปางลีลาในสมัยสุโขทัย มีลักษณะการก้าวย่างอ่อนช้อย นุ่มนวล ซึ่งน่าจะเป็นด้วยฝีมือช่างหลวง จะเห็นได้จากการล้อพิมพ์พระกำแพงในยุคต่อๆ มา ศิลปะความงดงามเทียบกันไม่ได้เลย เป็นจุดสังเกตประการหนึ่งของการศึกษาว่าพระแท้หรือไม่ ประการต่อมาคือ ลักษณะลีลาก้าวย่างหันด้านข้างให้เห็น ขอบซุ้มเป็นเส้นลึกรอบองค์พระ พระประธานประทับยืนอยู่ติดผนังแลดูคล้ายกับองค์ท่านลอยออกมาเหมือนก้าวย่างได้ อีกประการก็คือ การก้าวย่างคล้ายดำเนินไปข้างหน้า มีชายจีวรโบกสะบัดพลิ้วไปทางด้านหลัง ส่วนด้านหน้า ผ้าจีวรแนบกับองค์พระจนแทบจะมองไม่เห็น
ส่วน “พระกำแพงลีลาพลูจีบ” มีอายุการสร้างเท่าๆ กับพระกำแพงซุ้มกอและพระกำแพงลีลาเม็ดขนุน พบบริเวณวัดบรมธาตุ วัดพิกุล และบริเวณทั่วๆ ไปของลานทุ่งเศรษฐี แต่มีจำนวนน้อยมากแทบนับองค์ได้ เรียกว่าแต่ก่อนเป็นพระที่มีสนนราคาสูงที่สุดของพระทั้งหมดในกำแพงเพชรทีเดียว
ลักษณะเป็นพระเนื้อดินผสมว่านและเกสรดอกไม้ เนื้อว่านล้วนๆ มีหน้าทองปิด และเนื้อชิน องค์พระขนาดพอๆ กับพระกำแพงลีลาเม็ดขนุน พุทธศิลปะเป็นแบบพระปางลีลาสมัยสุโขทัย สัณฐานคล้ายการจีบพลูของคนโบราณที่งดงามมาก องค์พระประธานแสดงปางลีลา ก้าวย่างไปข้างหน้าหันด้านข้างออกคล้ายพระกำแพงลีลาเม็ดขนุน แต่องค์พระจะผอมและตื้นกว่า ผ้าจีวรจะอยู่ด้านหลังองค์พระ ส่วนด้านหน้าเหมือนนุ่งกางเกงขาก๊วย พระบาทเหมือนกับใส่รองเท้าส้นสูง จนคนรุ่นเก่าๆ มักพูดกันเชิงล้อเล่นว่า “จริงๆ แล้ว รองเท้าส้นสูงมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว ดังจะเห็นได้จากพระพุทธลักษณะของพระกำแพงลีลาพลูจีบ”
สุดท้าย “พระกำแพงลีลา กลีบจำปา” พบในกรุวัดบรมธาตุเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน ต่อมาก็มีการพบในกรุอื่นๆ บ้างเล็กน้อย มีพุทธลักษณะคล้ายกับพระกำแพงลีลาเม็ดขนุนแต่ย่อมกว่า และต่างกันตรงที่องค์พระประทับยืนอยู่บนฐานแบบบัวคว่ำ บัวหงาย นอกจากนี้จะมีการปาดขอบขององค์พระแบบเดียวกับพระกำแพงซุ้มกอ ซึ่งต่างจากพระกำแพงลีลาเม็ดขนุนและพระกำแพงลีลาพลูจีบที่มีขอบมนกลมโดยไม่ได้ตัดแต่งใดๆ ลักษณะพิมพ์ทรงคล้าย ‘กลีบดอกจำปา’ ด้านล่างตัดตรงเหมือนโคนดอก
เนื้อหามวลสารของพระกำแพงลีลากลีบจำปา ที่พบมากจะเป็นพระแบบเนื้อดินผสมว่าน ทำให้พระมีน้ำหนักเบาและเปราะบางกว่าพระลีลาอีก 2 พิมพ์ องค์ที่สมบูรณ์ค่อนข้างหายากยิ่ง ส่วนเนื้อชินนั้นพบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พระกำแพงลีลาเม็ดขนุน พระกำแพงลีลาพลูจีบ และ พระกำแพงลีลากลีบจำปา นอกจากพุทธลักษณะที่งดงามสุดยอดแล้ว พุทธคุณก็ยังเป็นเลิศครบครันอีกด้วย ทั้ง เมตตามหานิยม ค้าขาย และแคล้วคลาด มีเรื่องเล่าขานต่อๆ กันมาว่า แม้องค์พระจะชำรุดเหลือเพียงครึ่งองค์ หรือแค่เพียงส่วนพระบาทหายไป ยังแคล้วคลาดจากการถูกโจรยิงมาแล้วครับผม
“พระกำแพงลีลาเม็ดขนุน” มีอายุการสร้างประมาณ 600 กว่าปีเท่าๆ กับพระกำแพงซุ้มกอ มีลักษณะคล้ายเม็ดขนุน พบบริเวณลานทุ่งเศรษฐี แถบ วัดพิกุล วัดบรมธาตุ วัดอาวาสน้อย และบริเวณทั่วๆ ไป มีจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับพระกำแพงซุ้มกอ ในสมัยก่อนจึงมีค่านิยมและสนนราคาเช่าหาจึงสูงกว่าพระกำแพงซุ้มกอมาก
ลักษณะเป็นพระเนื้อดินผสมว่านและเกสรดอกไม้ เนื้อว่านล้วนๆ และเนื้อชิน คล้ายกับพระกำแพงซุ้มกอ ขนาดองค์พระสูงประมาณ 4.5 ซม. กว้างประมาณ 1.5 ซม. นับเป็นพระที่มีพุทธศิลปะงดงามมาก สันนิษฐานว่าจำลองมาจากพระพุทธรูปปางลีลาในสมัยสุโขทัย มีลักษณะการก้าวย่างอ่อนช้อย นุ่มนวล ซึ่งน่าจะเป็นด้วยฝีมือช่างหลวง จะเห็นได้จากการล้อพิมพ์พระกำแพงในยุคต่อๆ มา ศิลปะความงดงามเทียบกันไม่ได้เลย เป็นจุดสังเกตประการหนึ่งของการศึกษาว่าพระแท้หรือไม่ ประการต่อมาคือ ลักษณะลีลาก้าวย่างหันด้านข้างให้เห็น ขอบซุ้มเป็นเส้นลึกรอบองค์พระ พระประธานประทับยืนอยู่ติดผนังแลดูคล้ายกับองค์ท่านลอยออกมาเหมือนก้าวย่างได้ อีกประการก็คือ การก้าวย่างคล้ายดำเนินไปข้างหน้า มีชายจีวรโบกสะบัดพลิ้วไปทางด้านหลัง ส่วนด้านหน้า ผ้าจีวรแนบกับองค์พระจนแทบจะมองไม่เห็น
ส่วน “พระกำแพงลีลาพลูจีบ” มีอายุการสร้างเท่าๆ กับพระกำแพงซุ้มกอและพระกำแพงลีลาเม็ดขนุน พบบริเวณวัดบรมธาตุ วัดพิกุล และบริเวณทั่วๆ ไปของลานทุ่งเศรษฐี แต่มีจำนวนน้อยมากแทบนับองค์ได้ เรียกว่าแต่ก่อนเป็นพระที่มีสนนราคาสูงที่สุดของพระทั้งหมดในกำแพงเพชรทีเดียว
ลักษณะเป็นพระเนื้อดินผสมว่านและเกสรดอกไม้ เนื้อว่านล้วนๆ มีหน้าทองปิด และเนื้อชิน องค์พระขนาดพอๆ กับพระกำแพงลีลาเม็ดขนุน พุทธศิลปะเป็นแบบพระปางลีลาสมัยสุโขทัย สัณฐานคล้ายการจีบพลูของคนโบราณที่งดงามมาก องค์พระประธานแสดงปางลีลา ก้าวย่างไปข้างหน้าหันด้านข้างออกคล้ายพระกำแพงลีลาเม็ดขนุน แต่องค์พระจะผอมและตื้นกว่า ผ้าจีวรจะอยู่ด้านหลังองค์พระ ส่วนด้านหน้าเหมือนนุ่งกางเกงขาก๊วย พระบาทเหมือนกับใส่รองเท้าส้นสูง จนคนรุ่นเก่าๆ มักพูดกันเชิงล้อเล่นว่า “จริงๆ แล้ว รองเท้าส้นสูงมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว ดังจะเห็นได้จากพระพุทธลักษณะของพระกำแพงลีลาพลูจีบ”
สุดท้าย “พระกำแพงลีลา กลีบจำปา” พบในกรุวัดบรมธาตุเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน ต่อมาก็มีการพบในกรุอื่นๆ บ้างเล็กน้อย มีพุทธลักษณะคล้ายกับพระกำแพงลีลาเม็ดขนุนแต่ย่อมกว่า และต่างกันตรงที่องค์พระประทับยืนอยู่บนฐานแบบบัวคว่ำ บัวหงาย นอกจากนี้จะมีการปาดขอบขององค์พระแบบเดียวกับพระกำแพงซุ้มกอ ซึ่งต่างจากพระกำแพงลีลาเม็ดขนุนและพระกำแพงลีลาพลูจีบที่มีขอบมนกลมโดยไม่ได้ตัดแต่งใดๆ ลักษณะพิมพ์ทรงคล้าย ‘กลีบดอกจำปา’ ด้านล่างตัดตรงเหมือนโคนดอก
เนื้อหามวลสารของพระกำแพงลีลากลีบจำปา ที่พบมากจะเป็นพระแบบเนื้อดินผสมว่าน ทำให้พระมีน้ำหนักเบาและเปราะบางกว่าพระลีลาอีก 2 พิมพ์ องค์ที่สมบูรณ์ค่อนข้างหายากยิ่ง ส่วนเนื้อชินนั้นพบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พระกำแพงลีลาเม็ดขนุน พระกำแพงลีลาพลูจีบ และ พระกำแพงลีลากลีบจำปา นอกจากพุทธลักษณะที่งดงามสุดยอดแล้ว พุทธคุณก็ยังเป็นเลิศครบครันอีกด้วย ทั้ง เมตตามหานิยม ค้าขาย และแคล้วคลาด มีเรื่องเล่าขานต่อๆ กันมาว่า แม้องค์พระจะชำรุดเหลือเพียงครึ่งองค์ หรือแค่เพียงส่วนพระบาทหายไป ยังแคล้วคลาดจากการถูกโจรยิงมาแล้วครับผม