จากผลกระทบของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาด ที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยล่าสุดมีผลสำรวจประเมินว่า การท่องเที่ยวจะกลับสู่สภาวะปกติในระดับเดียวก่อนโควิด ต้องใช้เวลาประมาณอีก 3 ปี ข้างหน้า รวมถึงการเข้าถึงดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในทุกอุตสาหกรรม อันเป็นผลมาจากการจำกัดการเดินทาง และความต้องการใช้บริการโดยการหลีกเลี่ยงการสัมผัส ซึ่งในเรื่องนี้ทางนายกาย ฟิลลิปส์ รองประธานอาวุโสด้านการพัฒนา ภูมิภาคเอเชีย และออสตราเลเชีย ฮิลตัน ได้สะท้อนแผนการดำเนินงานการตลาดได้อย่างน่าสนใจ ตั้งเป้าเปิดบริการโรงแรมเพิ่ม โดย นายกาย ฟิลลิปส์ รองประธานอาวุโสด้านการพัฒนา ภูมิภาคเอเชีย และออสตราเลเชีย ฮิลตัน กล่าวว่า การรีแบรนด์โรงแรมกับฮิลตัน จะทำให้พันธมิตรธุรกิจต่างๆ ได้รับประโยชน์จากเครื่องมือทางการตลาด ตลอดจนเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งในอีก 2 ปี ข้างหน้าทางฮิลตัน ได้ตั้งเป้าเปิดบริการเพิ่มเติมในประเทศไทยกว่า 2,000 ห้อง ภายใต้แบรนด์ฮิลตัน โฮเทลส์ แอนด์รีสอร์ท ดับเบิลทรี บาย ฮิลตัน และฮิลตัน การ์เด้น อินน์ โดยมีการเซ็นสัญญาใหม่ของโรงแรมในเครือฮิลตันทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ฮิลตันมีโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้วใน 5 สถานที่ของประเทศไทย คือ กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, เกาะสมุย, หัวหิน, และพัทยา โดยได้ส่งมอบการบริการตามแบบฉบับของฮิลตันภายใต้แบรนด์ วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย โฮเทลแอนด์รีสอร์ท, คอนราด โฮเทลแอนด์รีสอร์ท, ฮิลตัน โฮเทลแอนด์รีสอร์ท, ดับเบิลทรี บาย ฮิลตัน โฮเทลแอนด์รีสอร์ท, และฮิลตัน การ์เด้น อินน์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาทาง ฮิลตันได้ลงนามในความร่วมมือที่สำคัญหลายแห่งในประเทศไทย เพื่อปูทางไปสู่การเปิดตัวแบรนด์ฮิลตัน การ์เด้น อินน์ ภูเก็ต โดยมีกำหนดให้บริการภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 รวมทั้งการเปิดตัวของแบรนด์ไลฟ์สไตล์อย่างโรงแรมคาโนปี บาย ฮิลตัน ภายในปี 2566 อีกด้วย แบรนด์ฮิลตันติดอันดับโลก อย่างไรก็ตาม นายกาย กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีพอร์ตโฟลิโอที่ใหญ่ที่สุดของฮิลตันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีโรงแรม 11 แห่ง ภายใต้ 4 แบรนด์ และรวมถึงอีก 8 โครงการที่กำลังพัฒนา โดยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในประเทศไทยถึง 2 แบรนด์แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทยสำหรับการเติบโตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อีกทั้งจากรายงานฉบับล่าสุดของ Smith Travel Research บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดชั้นนำ ได้จัดให้ 5 แบรนด์ของฮิลตันติดหนึ่งใน 15 อันดับแรกของโลก ยิ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมให้มั่นใจถึงการยอมรับอย่างกว้างขวางของแบรนด์ฮิลตันภายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เนื่องจากตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เป็นช่วงท้าทายที่สุดของอุตสาหกรรมนี้