เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 31 มี.ค.64 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาพรรคก้าวไกล กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่มีการพูดคุยกันอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ ว่าประธานศาลฎีกาถูกตั้งคำถามในที่ประชุมใหญ่ของผู้พิพากษาศาลฎีกาว่า เพราะเหตุใดทำไมถึงไม่อนุญาตให้ประกันตัวแกนนำราษฎรที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งการตั้งคำถามดังกล่าวเนื่องจากแกนนำกลุ่มราษฎรไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี ไม่มีพฤติการณ์ที่จะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ซึ่งปรากฏต่อไปว่าประธานศาลฎีกาได้พูดว่ามีบุคคลภายนอกสั่งมาอีกที และถ้อยคำนี้ในภายหลังมีการแถลงข่าวโดยโฆษกของศาลยุติธรรมว่าไม่เป็นความจริง และชี้แจงว่ามีการพิจารณาที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่ามีประเด็นอะไรบ้าง ซึ่งการชี้แจงดังกล่าวเป็นการตอบที่สั้นมาก ไม่ได้อธิบายรายละเอียดอย่างเพียงพอ ตนคิดว่าถึงขนาดที่โฆษกศาลยุติธรรมออกมาแถลงแสดงว่าอาจจะมีประเด็นบางอย่างที่มีการถกเถียงและทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่สบายใจกัน นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในฐานะกมธ.ของสภาผู้แทนราษฎรต้องตรวจสอบทุกๆ ดุลอำนาจขององค์กรตามรัฐธรรมนูญว่าศาลได้ทำหน้าที่อย่างอิสระหรือไม่ ซึ่งตนได้หารือกับกมธ. ว่าเป็นประเด็นที่กมธ.มีอำนาจในการพิจารณาหรือไม่ เพราะเราเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าข้อกล่าวหาต่างๆ มีมูลความจริงอย่างไรและนี่คือโอกาสที่ศาลยุติธรรมจะได้ใช้พื้นที่กมธ.ในการเข้ามาชี้แจงต่อสังคม ตนจึงได้เสนอเรื่องนี้ต่อกมธ.กฎหมายเพื่อให้กมธ.เชิญผู้พิพากษา ประธานศาลฎีกาหรือตัวแทนมาชี้แจงต่อกมธ.ต่อไป นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นท่าทีโดยรวมของกมธ.ไม่มีใครปฏิเสธ และมีท่าทีค่อนข้างยินดีที่จะพิจารณา และเห็นว่าเป็นประเด็นใหญ่ กมธ.ให้ความเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีหากศาลสามารถชี้แจงจนสิ้นข้อสงสัย ก็จะได้เป็นโอกาสที่ศาลจะได้อธิบายต่อสังคมถึงหลักประกันความยุติธรรมหรือหลักอิสระของศาลในการทำหน้าที่ว่ายังคงมีอยู่ อย่างไรก็ตามกมธ.ยังไม่ได้มีมติว่าจะรับหรือไม่รับ ซึ่งจะมีการพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (1 เม.ย.) ซึ่งตนจะทำหนังสืออย่างเป็นทางการถึงกมธ.กฎหมายต่อไป และหวังว่ากมธ.กฎหมายจะทำหน้าที่นี้เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัด เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะเป็นการตั้งคำถามต่อความอิสระของศาล และหากประชาชนไม่เชื่อถือความเป็นอิสระของศาล ความยุติธรรมก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้