เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และสิทธิมนุษยนชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเข้าไปติดตามความเป็นอยู่ของแกนนำกลุ่มราษฎรในเรือนจำ เพื่อดูเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมกับนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า ตนได้พบกับนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดินเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นได้เพียงแค่โบกมือทักทายกัน เพราะเรือนจำมี 8 แดน แต่เขาอยู่แดน 2 ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่กักตัวป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งนี้ได้พูดคุยกับนายจตุภัทร์ผ่านวิดิโอคอลประมาณ 1 นาที แต่ไฟดับก่อนจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ โดยตนได้สอบถามเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกิน ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานเรือนจำที่ปฏิบัติเหมือนกันทุกคน ส่วนประเด็นการตรวจโควิด-19 รอบค่ำนั้นคงไม่มีแล้ว เพราะอาจเป็นการละเมิดสิทธิ์ และเรือนจำจะนำไปปรับปรุงต่อไป
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนได้พูดคุยกับรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์หลังจากได้รับการร้องเรียนว่าทำไมเวลาที่ผู้ถูกดำเนินคดีจะปรึกษาคดีกับทนายความทางเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จะต้องอยู่ใกล้ๆจนได้ยินการสนทนาทุกอย่าง ซึ่งทางรองอธิบดีฯรับปากว่าจะไปดูให้ ส่วนกรณีของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวินนั้นทางกรมราชทัณฑ์ก็ยอมรับว่ามีความกังวล เพราะร่างกายอ่อนแอจริงๆ เมื่อยังไม่ได้รับการประกันตัวทางกรมราชทัณฑ์ก็ดูแล แต่ทั้งนี้ตนมองว่าแกนนำทั้งหมดควรได้รับการประกันตัว เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้หลบหนี และไม่ได้ลี้ภัย ดังนั้นอย่าไปขังเขาแบบนั้น การที่เขาไม่ได้รับการประกันตัวจนสุดท้ายรับสารภาพตามกระบวนการที่ทำให้เขาต้องยอมจำนน ยืนยันว่าเขาควรได้รับการประกันตัวและมีสิทธิ์ตามขั้นตอนการดำเนินการอย่างเต็มที่