นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ขณะนี้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทย พร้อมรับนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วตั้งแต่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป โดยจะเริ่มต้นที่จังหวัดภูเก็ตก่อน จากนั้นจะเพิ่มเป็น 6 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก ประกอบด้วยภูเก็ต, กระบี่, พังงา, สมุย (สุราษฎร์ธานี), พัทยา (ชลบุรี) และเชียงใหม่ ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งในช่วงที่ประเทศจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัว ทางรัฐบาลมีมาตรการออกมากระตุ้นภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ ทั้ง การขยายเวลาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ด้วยการสนับสนุนห้องพักอีกจำนวน 2 ล้านห้อง หรือโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่สนับสนุนให้คนเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยว ภายใต้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท ส่วน นายวิชิต ประกอบโกศล รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวถึงนโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัวที่รัฐบาลประกาศออกมา ว่า ในส่วนของ สทท.ยังได้นำเสนอให้รัฐพิจารณาดำเนินการใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การจับคู่ประเทศ หรือแทรเวลบับเบิล เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศจะไม่มีการกักตัวนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ฝั่ง โดยน่าจะประกาศภายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเตรียมทำการตลาดล่วงหน้า 2.สรุปความชัดเจนในการใช้วัคซีนพาสปอร์ต จะะออกมาในรูปแบบ travel pass ของสมาคมขนส่งทางอากาศรางประเทศ (IATA) หรือว่าจะใช้ผ่านแพลตฟอร์มของ WeChat ของจีน หรือจะใช้รูปแบบอื่นๆ 3.เตรียมแผนเจรจากับสายการบิน เพื่อให้สายการบินต่าง ๆ เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการเส้นทางระหว่างประเทศ รวมถึงเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ โดยแนวทางทั้งหมด ทางรัฐบาล ควรมีข้อสรุปและประกาศให้ชัดเจนภายในเดือนเมษายนนี้ พร้อมกันนี้ นายวิชิตยังกล่าวถึงแนวทางและตลาดดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ว่า นอกจากนักท่องเที่ยวที่ต้องฉีดวัคซีนครบแล้ว ทางสทท.ยังมองว่าเบื้องต้นยังควรโฟกัสตลาดที่ความเสี่ยงต่ำก่อน โดยตลาดนักท่องเที่ยวเป้าหมาย 5 อันดับแรกของจังหวัดภูเก็ต และ อีก 5 จังหวัดท่องเที่ยวหลักที่อยู่ในแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ ประกอบด้วย 1.จีน, ฮ่องกง, มาเก๊า 2.ยุโรป, ออสเตรเลีย, อเมริกา (รัสเซีย, อังกฤษ, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สวีเดน, เดนมาร์ก, นอร์เวย์) 3.เอเชียตะวันออก (เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน) 4.อาเซียน 10 ประเทศ (สิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม) และ 5.เอเชียใต้, ตะวันออกกลาง (อินเดีย, UAE, อิสราเอล) อีกทั้งยังนำเสนอกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในปี 2562 ถึง 24 ล้านคน บรรจุไปในแผนการเปิดรับต่างชาติโดยไม่กักตัวของเดือนตุลาคมนี้ด้วย เพื่อให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 ล้านคน ตามเป้าหมายที่กระทรวงการท่องเที่ย และกีฒฬา ตั้งไว้ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 สำหรับตลาดจีน, ฮ่องกง และมาเก๊า น่าจะจำนวนรวม 1.2 ล้านคน สร้างรายได้ 6 หมื่นล้านบาท ตลาดยุโรป, ออสเตรเลีย, อเมริกา ประมาณ 8 แสนคน สร้างรายได้ 5.6 หมื่นล้านบาท ตลาดเอเชียตะวันออก ประมาณ 3.5 แสนคน สร้างรายได้ 1.4 หมื่นล้านบาท ตลาดอาเซียน ประมาณ 3.5 แสนคน สร้างรายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท และตลาดเอเชียใต้ ประมาณ 3 แสนคน สร้างรายได้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท และน่าจะทำให้ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2564 ประมาณ 3 ล้านคน มีรายได้จากตลาดต่างประเทศประมาณ 1.56 แสนล้านบาท