เมื่อวันที่ 30 มี.ค.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 มี.ค.64 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ออกคำสั่งไปให้ทุกพื้นที่รับทราบมาตรการของ ตร. ซึ่งให้มีการตั้งด่านได้ แต่ต้องมีความพร้อมตามมาตรฐานที่ทางตร.กำหนด คือ มีความโปร่งใส เป็นมาตรฐาน ตรวจสอบได้ โดยการใช้เทคโนโลยี การตั้งจุดตรวจต่างๆ ต้องมีความโปร่งใส พร้อมที่จะตรวจสอบจากประชาชน สิ่งที่จะทำให้โปร่งใสได้คือกล้องซีซีทีวีเคลื่อนไหวได้ที่จะต้องมีประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ตรวจ และด่านต่างๆ เช่น ด่านกวดขันวินัยจราจร ด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ด่านตรวจวัดมลพิษทางอากาศ ด่านอาชญกรรม ฯลฯ
จะต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ต้องมีป้ายที่มีมาตรฐาน และนำเทคโนโลยีมาใช้ อาทิ ด่านเมา จากเดิมเคยมีปัญหาร้องเรียนต่างๆ ก็จัดให้มีกล้องบันทึกภาพแบบเรียลไทม์ไว้ประจำจุดที่มีการยืนยันผลด้วย ส่วนการจะตั้งจุดตรวจจะมีผู้ควบคุมกำกับดูแลคือผู้บังคับการในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้จะมีป้ายแสดงข้อความหากต้องการร้องเรียนได้ที่สายด่วนตร. 1599 และเบอร์โทรศัพท์ผู้บังคับการ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ให้ทำฐานข้อมูล TPCC (Traffic Police Checkpoint Control) เพื่อกำหนดจุดตั้งด่าน ลงรายชื่อผู้ปฏิบัติในด่านต่างๆ ลงในแผนที่ ซึ่งผู้บังคับบัญชาสามารถตรวจสอบได้ว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ในจุดใดบ้าง มีการซ้ำซ้อนกันหรือไม่ ได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับการหรือไม่
ด่านทุกด่านจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับการ ซึ่งจะต้องมีเหตุผลในการตั้งด่าน อาทิ บริเวณจุดตั้งด่านมีอาชญากรรมสูง มีเด็กแว้น เป็นทางผ่านขนยาเสพติด เป็นจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบ่อย หรือมีสถานบริการอยู่จำนวนมาก ที่ต้องตั้งเพื่อป้องปราบผู้ที่เมาแล้วขับ ฯลฯ ยกเว้นกรณีเดียวที่ไม่ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับการในกรณีฉุกเฉิน คือ การสกัดจับคนร้าย
ตอนนี้หลายสถานีมีความพร้อม มีการตั้งไปแล้วส่วนหนึ่ง ในเมืองใหญ่ๆ อาทิ จ.อุบลราชธานี จ.นครราชสีมา เมื่อมีความพร้อมแล้ว 1 เมษายน เราก็อยากจะให้บังคับใช้กฎหมายเลย เนื่องจากใกล้ช่วง 7 วันอันตราย สำหรับกรุงทพมหานครยังไม่ได้ตั้งจริงจัง ซึ่งหากมีความพร้อมอาจจะเริ่ม 1 เมษายน นี้
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่กลับมาตั้งด่านตรวจของตำรวจ เนื่องจากการชะลอตั้งด่านไว้ ได้กลับมาศึกษาข้อดีข้อเสีย จนคณะทำงานเห็นว่าการไม่มีด่านเลย จะมีข้อเสียเรื่องการบังคับใช้กฎหมายในด้านต่างๆ มีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเมาและขับ การขับจยย. ในเลนห้ามวิ่ง เป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่น ปัญหาการไม่สวมหมวกกันน็อกเพิ่มมากขึ้น ปัญหายาเสพติด รวมไปถึงการหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว หากไม่มีด่านสกัดต่างๆ
ทั้งนี้เรื่องด่านจึงมีความจำเป็น แต่ต้องทำให้รอบคอบ รัดกุม โปรงใส ตรวจสอบได้ พร้อมที่จะถูกร้องเรียนและแก้ปัญหาให้ประชาชน อย่างไรก็ตามมาตรการที่ออกมาจะป้องกันการทุจริตได้พอสมควร เนื่องจากก่อนตั้งด่านต้องขออนุญาตผู้บังคับการ และผู้กำกับการ เจ้าของพื้นที่ หากเกิดการทุจริตผู้บังคับบัญชาที่อนุญาตให้ตั้งจุดตรวจต้องรับผิดชอบ ในส่วนที่กำกับดูแลไม่ดีพอ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจรประชาชนเดินทางกลัภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่าทางรัฐบาลกำหนดวันที่ 10-16 เมษายน เป็นช่วง 7 วันอันตราย ซึ่งเราเชื่อว่าประชาชนจะเดินทางออกนอกกรุงเทพมหานคร ประมาณวันที่ 9-10 เมษายน และทยอยเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 15-18 เมษายน
คาดว่าปริมาณคนเดินทางออกต่างจังหวัดจะใกล้เคียงกับสงกรานต์ปี 2562 ซึ่งได้เตรียมการเรื่องเส้นทางต่างๆ ช่วงมอเตอร์เวย์ตั้งแต่ลำตะคองถึงสีคิ้ว จะมีการเปิดใช้เส้นทางเพิ่ม 2 ช่องทาง ตั้งแต่วันที่ 9-13 เมษายน และขากลับตั้งแต่วันที่ 14-19 เมษายน เชื่อว่าจะแบ่งเบาการจราจรไปทางถนนมิตรภาพได้เยอะพอสมควร เชื่อว่าการวางแผนอย่างต่อเนื่อง จะทำให้การจราจรไม่ติดขัดจนเกินไป