วันนี้ (30 มี.ค.) ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ที่มีคำสั่งห้ามมิให้กรุงเทพฯดำเนินโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเฉพาะในส่วนของแผนงานที่ 1 คือ ทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่นโดยให้เหตุผลว่า การที่กรมเจ้าท่าได้อาศัยอำนาจตามข้อ 6 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 63 พ.ศ. 2537 ออกตามความใน พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย 2456 อนุญาตให้ กรุงเทพมหานคร ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำแม่น้ำ ประเภทก่อสร้างโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ 1 ฝั่งตะวันออกจากสะพานพระราม 7 ถึงกรมชลประทานสามเสนระยะทาง 2.99 กิโลเมตร ช่วงที่ 3 ฝั่งตะวันตกจากสะพานพระราม 7 ถึงคลองบางพลัด ระยะทาง 3.20 กิโลเมตร เพื่อพัฒนาพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 2 ฝั่งให้มีลักษณะเป็นสะพานยกสูงเหนือระดับน้ำท่วมสูงสุดและใช้เป็นทางสัญจรรองรับการเดินทางด้วยจักรยานชมทัศนียภาพ พักผ่อนหย่อนใจ และออกกำลังกายริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตามใบอนุญาตเลขที่ 16/ 2561 ลงวันที่ 19 ต.ค. 2561 ในชั้นนี้ จึงน่าจะมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมาย หากให้ กรุงเทพมหานคร กระทำต่อไปซึ่งการกระทำที่ถูกฟ้องก็อาจเป็นเหตุให้เครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคมและพวกรวม 12 คน ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่กรุงเทพมหานคร จะดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ส่วนที่ คณะกรรมการอำนวยการโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร อุทธรณ์ว่าการที่ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ กรุงเทพมหานคร ดำเนินโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเฉพาะในส่วนของแผนงานที่ 1 คือ ทางเดินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาส่งผลให้ กรุงเทพมหานคร ไม่สามารถจัดทำบริการสาธารณะเพื่อให้ประโยชน์ ได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ส่งผลให้เป็นอุปสรรคแก่การบริหารราชการของกรุงเทพมหานครนั้น เมื่อพิจารณาโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแผนงานที่ 1 กรณีก่อสร้างทางเดินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแม้ว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ เป็นทางสัญจรรองรับการเดินทางด้วยจักรยานชมทัศนียภาพพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการของ กรุงเทพมหานคร ตามมาตรา 89 พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร 2528 อันเป็นการจัดทำบริการสาธารณะแต่กรุงเทพฯได้มีการจัดทำทางสัญญารองรับการเดินทางด้วยจักรยานชมทัศนียภาพพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งอยู่แล้วในเขตความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานครซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดี ดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้น ดังนั้น การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งดังกล่าวศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย