"นายกไพศอล"พร้อมทีมนราชนะขึ้นรถแห่รอบเมืองนราฯขอบคุณทุกคะแนนเสียงของประชาชน หลังชนะอย่างขาดลอยเป็นนายกเล็กสมัยแรก เวลา 16.30 น. วันที่ 30 มีนาคม 2564 ที่หมู่บ้านรักษ์บำรุง ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพศอล อาแว หลังจากได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งชิงนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาสโค่นแชมป์ 2 สมัย ได้สำเร็จ ด้วยคะแนนมาเป็นอันดับ 1 ในการเลือกนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส ได้นำลูกทีมนราชนะ พร้อมทีมงานขึ้นรถแห่ ไปทั่วเขตเทศบาลเมืองนนราธิวาส เพื่อออกมาขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพ่อแม่ พี่น้อง ประชาชน ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ที่มอบความไว้วางใจลงคะแนนให้ตนและทีมมาทำหน้าที่นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองนราธิวาสเป็นสมัยแรก เพื่อเข้ามา บริหารเทศบาลเมืองนราธิวาสให้ก้าวหน้าตามที่วางไว้ โดยหลังจากเสร็จสิ้นการนับคะแนน อย่างเป็นทางการผลปรากฎว่า นายไพศอล อาแว ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส เบอร์ 2 ชนะไปด้วยคะแนน 10,668 คะแนน และยังสามารถนำลูกทีมผู้สมัครสมาชิกเทศบาลเมืองนราธิวาสเข้ามาเป็นสมาชิกเทศบาลเมืองนราธิวาสได้อีก จำนวน 10 คน สำหรับบรรยากาศระหว่างขึ้นรถแห่มีประชาชนออกมาให้กำลังใจทีมนราชนะเหมือนเช่นเดียวกับหาเสียงเลือกตั้ง โดยตลอดข้างทางได้มีพ่อแม่พี่น้องชาวนราธิวาส ต่างมายืนรอรถแห่ของทีมนราชนะ พร้อมทั้งโบกไม้โบกมือต้อนรับนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาสคนใหม่ ที่จะเข้ามาพัฒนาเมืองนราธิวาสให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆด้าน ด้านนายไพศอล กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณชาวนราธิวาส ที่ไว้วางใจผมให้มาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาสด้วยคะแนน 10,668 คะแนน วันนี้ผมขอขอบคุณอีกครั้ง และผมจะตั้งใจทำงาน เพื่อพี่น้องประชาชนทุกคนตามที่ได้ให้สัญญาไว้ และสิ่งที่สำคัญที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วน คือต้องทำตามนโยบายของทีมที่ได้พูดไว้กับพี่น้องประชาชน คือนโยบายหลักๆ ด้านการท่องเที่ยว ด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำนับตั้งแต่วันแรกที่ได้เข้าไปรับตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส และจะทำให้รวดเร็วที่สุดซึ่งจากวินาทีแรกจนถึงวันนี้ผมรู้สึกผ่อนคลายมาก ด้วยเพราะเราเป็นนักการเมืองหน้าใหม่และคนรุ่นใหม่ ซึ่งแปรผันตัวเองจากนักธุรกิจสู่นักการเมือง และสัญญาว่าจะทำตามสัญญาที่เคยได้ให้กับพี่น้องประชาชนโดยจะมีการพบปะอย่างน้อย 3 เดือนครั้ง และจะมีการสื่อสารแบบสองด้านคือทูเวย์จะเข้าพบพี่น้องทุกๆ 3 เดือนในแต่ละชุมชน และในส่วนของประเพณีทั้งไทยพุทธและมุสลิม จะให้ความสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน และจะเข้าร่วมงานเองอีกด้วย