“จุรินทร์”เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์บริการ RCEP Center อย่างเป็นทางการ ณ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจ ให้สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP ได้อย่างเต็มที่ สินค้ากว่า 29,000 รายการ จ่อใช้ประโยชน์ต้นปีหน้า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.64 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้จัดงานเปิดตัวศูนย์บริการ RCEP Center เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสารความตกลง RCEP ตลอดจนความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ที่ไทยเป็นภาคี และข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ โดยมีข้อมูลสำคัญที่ให้บริการ ได้แก่ (1) ข้อมูลความตกลง RCEP และความตกลง FTA ฉบับอื่นๆ ของไทย (2) สถิติการค้าระหว่างประเทศของไทย (3) อัตราภาษีศุลกากรของไทยและคู่ FTA (4) กฎถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลง FTA ฉบับต่างๆ (5) ข้อมูลมาตรการทางการค้าของไทยและคู่ FTA และ (6) ระบบติดตามการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้มี 2 บริการสำคัญที่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย และเปิดตัวเป็นครั้งแรกในการเปิดศูนย์บริการ RCEP Center คือ บริการสืบค้นอัตราภาษีศุลกากร เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA ของไทย ซึ่งได้รวมอัตราภาษีศุลกากรภายใต้ความตกลง RCEP ไว้แล้วด้วย โดยผู้ประกอบการสามารถเปรียบเทียบและเลือกใช้สิทธิประโยชน์ทั้งขาเข้าและขาออกในการทำการค้าภายใต้ FTA ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด ระบบสืบค้นอัตราภาษียังถูกออกแบบให้มีความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน โดยสามารถใช้ได้ทั้งในมือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ค ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS สำหรับอีกหนึ่งบริการสำคัญที่เปิดตัวในงานวันนี้ คือ การแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวทางการค้าที่ผิดปกติผ่านการใช้ระบบติดตามการค้าระหว่างประเทศ หรือ Trade Monitoring System (TMS) โดยระบบฯ จะทำการแจ้งเตือนเมื่อตัวเลขการค้าของไทยทั้งการส่งออกและการนำเข้า มีการเคลื่อนไหวมากกว่าปกติ ซึ่งจะช่วยให้กระทรวงพาณิชย์สามารถเตรียมแผนรับมือ หรือจัดทำมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากการค้าต่อเศรษฐกิจในประเทศได้อย่างทันท่วงที ผู้สนใจสามารถเข้าใช้บริการของ RCEP Center ได้ทั้งแบบ Walk-in ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หรือสอบถามข้อมูลผ่าน Call Center ที่หมายเลข 0 2507 7555 รวมทั้งสามารถสืบค้นข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ www.dtn.go.th และเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ www.moc.go.th โดยกระทรวงพาณิชย์เชื่อมั่นว่าบริการของศูนย์ RCEP Center จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ทำธุรกิจรวมทั้งผู้ที่ยังมีความกังวลต่อผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ในการใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP และความตกลง FTA อื่นๆ ที่ไทยเป็นภาคี เพื่อขยายโอกาสทางการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นหนึ่งกลไกที่จะช่วยสนับสนุนการส่งออกไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย 3.5-4% ในปี 2564 ทั้งนี้ในปี 2563 ไทยมีมูลค่าการค้ากับสมาชิก RCEP ประมาณ 7.87 ล้านล้านบาท (57.5% ของการค้ารวมของไทย) โดยเป็นการส่งออกประมาณ 3.83 ล้านล้านบาท (53.3% ของการส่งออกไทยไปโลก) สำหรับสมาชิก RCEP ที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ อาเซียน จีน และญี่ปุ่น และสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยังตลาดสมาชิก RCEP ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลไม้สด และแช่เย็นและแช่แข็ง เป็นต้น อนึ่ง ไทยพร้อมด้วยสมาชิกอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้ร่วมกันลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือความตกลงอาร์เซ็ป (RCEP) ไปเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2563 ส่งผลให้ความตกลง RCEP ได้กลายมาเป็นความตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน ทั้งในแง่ของการเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมประชากรกว่า 2.2 พันล้านคน และขนาดเศรษฐกิจของสมาชิก RCEP ที่มี GDP รวมกันกว่า 26 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และยังมีการค้ารวมกันกว่า 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจำนวนประชากร ขนาดเศรษฐกิจ และมูลค่าการค้าของสมาชิก RCEP คิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของประชากร ขนาดเศรษฐกิจ และมูลค่าการค้าโลก