วันที่ 28 มี.ค.64 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากมีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ พ.ศ.2564 ตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.นี้ เป็นต้นไปนั้น ทางรัฐสภาจะได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ ต่อในมาตรา 10 ทันทีหลังจากที่รอให้กฤษฎีกาและกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาแก้ไขรายละเอียดต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งตนหวังว่าจะไม่มีใครไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความอีก เพราะจะทำให้การพิจารณาช้าลงไปอีก ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก ที่สำคัญเป็นอำนาจของสมาชิกรัฐสภาที่จะดำเนินการได้ นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ประชามติฯ เป็นกฎหมายปฏิรูปที่รัฐบาลเสนอเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีการตีความ ขณะที่ผู้แปรญัตติก็ดำเนินการโดยไม่ขัดกับหลักการในวาระ 1 จึงอยากให้สมาชิกรัฐสภาให้ความสำคัญกับกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากมีผลต่อการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตด้วย อย่างไรก็ตาม หากร่าง พ.ร.บ.ประชามติฯ ไม่ผ่าน รัฐบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบโดยการยุบสภาฯ หรือลาออก เพราะเป็นกฎหมายที่รัฐบาลเสนอ นายประเสริฐ กล่าวถึงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังร่างแก้ไขเพิ่มเติมถูกคว่ำไปแล้วว่า ขึ้นอยู่กับการเสนอญัตติว่าจะแก้ไขต่ออย่างไร ซึ่งก็คงจะต้องเดินหน้าแก้ไขเป็นรายมาตรา โดยในช่วงต้นเดือนเม.ย.พรรคเพื่อไทยจะได้เรียกประชุม ส.ส.ของพรรคเพื่อหารือถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง โดยหลักก็จะต้องแก้ไขเป็นรายมาตราโดยเฉพาะในเรื่องของอำนาจหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) รวมทั้งเรื่องของการเลือกตั้ง ซึ่งจะได้สอบถามความเห็นของ ส.ส.อีกครั้ง โดยเราอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขด้วย จากนั้นจะได้หารือกับทางพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้งหนึ่ง นายประเสริฐ กล่าวถึงมาตรการลงโทษ 26 ส.ส.เพื่อไทยที่ขัดมติพรรค ไม่ยอมโหวตเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคำชี้แจงของ ส.ส.แต่ละคน ซึ่งจะสรุปความคิดเห็นได้ภายในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะเสนอเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการจริยธรรมของพรรค เพื่อพิจารณามาตรการดำเนินการกับ ส.ส.ต่อไป หาก ส.ส.คนใดพิจารณาแล้วเข้าข่าย ก็จะมีผลต่อการพิจารณาตำแหน่งในกรรมาธิการชุดต่างๆ