วันที่ 28 มีนาคม2564 ที่หมู่ 12 ตำบลพิงพวย อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ ดร. กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ ได้นำคณะสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษ ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านทอผ้าโบราณศรีพิงพวย (อำเภอศรีรัตนะ บ้านพิงพวย ) โดยมี นายพนมกร สังข์แก้ว และเพื่อนพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผ้าอัตลักษณ์ศรีสะเกษ ให้การต้อนรับและนำชม
ดร. กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ที่ได้มาที่นี่อีกครั้งเพื่อต่อยอดวาระจังหวัดศรีสะเกษ เรื่องการขับเคลื่อนผ้าทอมือ " ธานี ผ้าศรี...แส่ว " ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษนายวัฒนา พุฒิชาติ ได้นำร่องไว้ จึงได้เชิญสื่อมวลชนลงพื้นที่มาดูงานของกลุ่มทอผ้าตำบลพิงพวย อำเภอศรีรัตนะ เพื่อว๊าว..ไปด้วยกัน ว๊าวแรกคือเป็นสถานที่ธรรมชาติ ร่มเย็น มีเสน่ห์ ที่ทุกคนสามารถมาศึกษาเรียนรู้การทอผ้าโบราณที่ใช้เชอร์ตรอลพุ่งเส้นไหมขอบเส้นพุ่ง ต่างกับการใช้กระสวย ความพิเศษของมันคือบรรจุเส้นไหมใส่หลอดได้เยอะกว่ากระสวย และชมการย้อมผ้าดินภูเขาไฟด้วย ว๊าวที่ 2 ได้ชมพิพิธภัณฑ์ผ้า 200 ปีที่หายากที่จัดไว้ในห้องแอร์ ว๊าว ที่3 พบกับหนุ่มเยาวชนกลุ่มทอผ้าที่มีอนาคตในมิติของผ้าทออัตลักษณ์ที่จะส่งเสริมให้มีการทำกิจกรรมDIY รวมกับนักท่องเที่ยวได้ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มศิลปินสมัยใหม่ที่ผลิตผ้าแบบมีคุณภาพเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มีสโลแกนว่าหากจะอยากได้ผ้าทอสวยต้องรอหน่อยอย่าเร่ง เพราะมีงานจากกรุงเทพสั่งทอตลอดมา 6 ปีแล้ว เป็นลูกค้ากลุ่ม High end ที่ต้องการให้ผลิตผ้าทอให้ดีเยี่ยมไม่เหมือนใคร
ดร. กัลยาณี ธรรมจารีย์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา น.ส.วัชรี ชูรักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)และนายพลากร บุปผาธนากร ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 2 อพท.ได้มาประชุมเรื่องพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์อารยธรรมอีสานใต้ มีการพิจารณาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ดิฉันได้เสนอให้เพิ่มหมู่บ้านทอผ้านี้ให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนของ อพท.ด้วยจะได้เชื่อมโยงให้เป็นเส้นทางสายไหม ใครมาหมู่บ้านท่าสว่างสุรินทร์ก็เชื่อมต่อมาดูผ้าโบราณที่ศรีพิงพวย ศรีสะเกษ ซึ่งทางอพท.ก็สนใจจะไปประเมินให้ แต่กลุ่มทอผ้าก็ไม่อยู่เพราะไปออกบู๊ทสินค้าOTOPที่งานกาชาดจังหวัดอุบลฯทำให้พลาดโอกาส อย่างไรก็ดีทาง อพท. รับปากว่าเดือนเมษายนจะมาอีกครั้งเพื่อประเมินพัฒนาให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนหากเข้าเกณฑ์ มีนักท่องเที่ยวมาเรียนรู้ สัมผัสเจ้าของวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวดื่มด่ำ ประทับใจ มี Story Telling เห็นคุณค่าอัตลักษณ์วิถีไทย มาแล้วประทับใจกลับไปบอกต่อ
น.ส.ธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผอ.ททท สำนักงานสุรินทร์ กล่าวว่า ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยพานักท่องเที่ยวจากรุงเทพฯมาเที่ยวสุรินทร์และศรีสะเกษวันนี้นำมาเยี่ยมชมหมู่บ้านผ้าทอโบราณ กลุ่มนี้ชอบผ้าไหมและได้อุดหนุนผ้าทอโบราณของศรีสะเกษ จำนวนมาก มีอาจารย์เสรี กันทาใจ นักท่องเที่ยวที่เชี่ยวชาญเรื่องผ้าและได้สร้างกลุ่มเฟสบุ๊คและเผยแพร่ผ้าไหมได้อธิบายเรื่องราวของผ้าไหมแบบต่างๆ ให้คณะทราบและพูดถึงหมู่บ้านทอผ้าโบราณศรีพิงพวย (อำเภอศรีรัตนะ บ้านพิงพวย ) ว่าผ้าที่นี่มีมิติล้ำลึกน่าสนใจ ผ้าทางอิสานไม่แพงมีความโดดเด่น ผ้าศรีสะเกษมีเอกลักษณ์ของตัวเอง มีทั้งความเหมือนและความต่างจากสุรินทร ได้อุดหนุนไปหลายชิ้น
ดร. กัลยาณี ธรรมจารีย์ กล่าวต่อว่าเป็นที่น่ายินดีที่นักท่องเที่ยวที่มากับคณะนี้ น.ส.ดาราพรรณ และเพื่อนที่เดินทางมาได้สั่งซื้อหอมกระเทียมของศรีสะเกษ20กิโลโดยให้ส่งไปรษณีย์ให้ 2 กล่องซึ่งดิฉันได้ประสานให้เจ้าของไร่จำหน่ายให้ในราคาพิเศษ และ น.ส.นฤมล เวียงวิเศษ (อดีต)นายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทยก็ได้ซื้อผ้าจากหมู่บ้านทอผ้าโบราณศรีพิงพวย จังหวัดศรีสะเกษไปเกือบแสนบาท และยังบอกว่าจะกลับมาทานทุเรียนที่ศรีสะเกษอีกในเดือนมิถุนายน
ดร. กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ที่ได้มาที่นี่อีกครั้งเพื่อต่อยอดวาระจังหวัดศรีสะเกษ เรื่องการขับเคลื่อนผ้าทอมือ " ธานี ผ้าศรี...แส่ว " ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษนายวัฒนา พุฒิชาติ ได้นำร่องไว้ จึงได้เชิญสื่อมวลชนลงพื้นที่มาดูงานของกลุ่มทอผ้าตำบลพิงพวย อำเภอศรีรัตนะ เพื่อว๊าว..ไปด้วยกัน ว๊าวแรกคือเป็นสถานที่ธรรมชาติ ร่มเย็น มีเสน่ห์ ที่ทุกคนสามารถมาศึกษาเรียนรู้การทอผ้าโบราณที่ใช้เชอร์ตรอลพุ่งเส้นไหมขอบเส้นพุ่ง ต่างกับการใช้กระสวย ความพิเศษของมันคือบรรจุเส้นไหมใส่หลอดได้เยอะกว่ากระสวย และชมการย้อมผ้าดินภูเขาไฟด้วย ว๊าวที่ 2 ได้ชมพิพิธภัณฑ์ผ้า 200 ปีที่หายากที่จัดไว้ในห้องแอร์ ว๊าว ที่3 พบกับหนุ่มเยาวชนกลุ่มทอผ้าที่มีอนาคตในมิติของผ้าทออัตลักษณ์ที่จะส่งเสริมให้มีการทำกิจกรรมDIY รวมกับนักท่องเที่ยวได้ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มศิลปินสมัยใหม่ที่ผลิตผ้าแบบมีคุณภาพเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มีสโลแกนว่าหากจะอยากได้ผ้าทอสวยต้องรอหน่อยอย่าเร่ง เพราะมีงานจากกรุงเทพสั่งทอตลอดมา 6 ปีแล้ว เป็นลูกค้ากลุ่ม High end ที่ต้องการให้ผลิตผ้าทอให้ดีเยี่ยมไม่เหมือนใคร
ดร. กัลยาณี ธรรมจารีย์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา น.ส.วัชรี ชูรักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)และนายพลากร บุปผาธนากร ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 2 อพท.ได้มาประชุมเรื่องพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์อารยธรรมอีสานใต้ มีการพิจารณาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ดิฉันได้เสนอให้เพิ่มหมู่บ้านทอผ้านี้ให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนของ อพท.ด้วยจะได้เชื่อมโยงให้เป็นเส้นทางสายไหม ใครมาหมู่บ้านท่าสว่างสุรินทร์ก็เชื่อมต่อมาดูผ้าโบราณที่ศรีพิงพวย ศรีสะเกษ ซึ่งทางอพท.ก็สนใจจะไปประเมินให้ แต่กลุ่มทอผ้าก็ไม่อยู่เพราะไปออกบู๊ทสินค้าOTOPที่งานกาชาดจังหวัดอุบลฯทำให้พลาดโอกาส อย่างไรก็ดีทาง อพท. รับปากว่าเดือนเมษายนจะมาอีกครั้งเพื่อประเมินพัฒนาให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนหากเข้าเกณฑ์ มีนักท่องเที่ยวมาเรียนรู้ สัมผัสเจ้าของวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวดื่มด่ำ ประทับใจ มี Story Telling เห็นคุณค่าอัตลักษณ์วิถีไทย มาแล้วประทับใจกลับไปบอกต่อ
น.ส.ธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผอ.ททท สำนักงานสุรินทร์ กล่าวว่า ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยพานักท่องเที่ยวจากรุงเทพฯมาเที่ยวสุรินทร์และศรีสะเกษวันนี้นำมาเยี่ยมชมหมู่บ้านผ้าทอโบราณ กลุ่มนี้ชอบผ้าไหมและได้อุดหนุนผ้าทอโบราณของศรีสะเกษ จำนวนมาก มีอาจารย์เสรี กันทาใจ นักท่องเที่ยวที่เชี่ยวชาญเรื่องผ้าและได้สร้างกลุ่มเฟสบุ๊คและเผยแพร่ผ้าไหมได้อธิบายเรื่องราวของผ้าไหมแบบต่างๆ ให้คณะทราบและพูดถึงหมู่บ้านทอผ้าโบราณศรีพิงพวย (อำเภอศรีรัตนะ บ้านพิงพวย ) ว่าผ้าที่นี่มีมิติล้ำลึกน่าสนใจ ผ้าทางอิสานไม่แพงมีความโดดเด่น ผ้าศรีสะเกษมีเอกลักษณ์ของตัวเอง มีทั้งความเหมือนและความต่างจากสุรินทร ได้อุดหนุนไปหลายชิ้น
ดร. กัลยาณี ธรรมจารีย์ กล่าวต่อว่าเป็นที่น่ายินดีที่นักท่องเที่ยวที่มากับคณะนี้ น.ส.ดาราพรรณ และเพื่อนที่เดินทางมาได้สั่งซื้อหอมกระเทียมของศรีสะเกษ20กิโลโดยให้ส่งไปรษณีย์ให้ 2 กล่องซึ่งดิฉันได้ประสานให้เจ้าของไร่จำหน่ายให้ในราคาพิเศษ และ น.ส.นฤมล เวียงวิเศษ (อดีต)นายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทยก็ได้ซื้อผ้าจากหมู่บ้านทอผ้าโบราณศรีพิงพวย จังหวัดศรีสะเกษไปเกือบแสนบาท และยังบอกว่าจะกลับมาทานทุเรียนที่ศรีสะเกษอีกในเดือนมิถุนายน