แก๊งค์ต้มตุ๋นโผล่อีกกลางไร่มันสำปะหลัง อ้างเป็นเจ้าหน้าที่มาจากบริษัทขายน้ำยาซักผ้าชื่อดังหลอกตายาย สูญเงินไป 6,000 บาท ขณะที่ตำรวจเร่งล่ายกแก๊งค์ เบื้องต้นพบมีผู้ร่วมขบวนการร่วม 20 คน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 มี.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังไร่มันสำปะหลัง บ้านหวายหลึม ม.15 ต.นาข่า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เพื่อพบกับนางอมรรัตน์ ดีโม้ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 บ้านหวายหลึม ม.15 ต.นาข่า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นหนึ่งในชาวบ้านที่ถูกแก๊งค์มิจฉาชีพมาหลอกขายสินค้าและจับรางวัล จนสูญเงินไป 6,000บาท
นางอมรรัตน์ ดีโม้ กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมาขณะออกจากบ้านมาทำไร่มันสำปะหลัง ได้มีรถยนต์กระบะสีดำ ไม่ทราบยี่ห้อ ทะเบียน มีผู้ชายเป็นคนขับรถ และหญิงสาว รูปร่างอวบ และผอม 2 คน ลงจากรถมาพูดคุยแนะนำตัวเองว่า เป็นพนักงานมาจากบริษัทผงซักฟอกชื่อดัง มาแนะนำผลิตภัณฑ์ซักผ้า ชนิดน้ำ รุ่นใหม่ และขายในราคาถูกกว่าท้องตลาด คือขายในราคาซองละ 2 บาท จึงซื้อ 10 บาท แต่หญิงสาวทั้ง2 คนบอกว่า แกะฉลากข้างซองมาชิงรางวัลชิ้นละ 39 บาทถึง 1,999บาท มีทั้งรางวัลเล็กและรางวัลใหญ่ที่เป็นรถไถนา รถจักรยานยนต์ โดยทั้งสองคนเอาสมุดที่แสดงรูปรางวัลมาให้ดูว่า ถ้าฉีกฉลากข้างซองออกมาแล้ว จะมีโชครับรางวัลตามรูปภาพ และจะมอบรางวัลให้ทันที
"ตัดสินใจฉีกฉลากเพื่อลุ้นรางวัล โดยครั้งแรกได้กระดาษเปล่า ครั้งที่ 2 ได้เตาแก็ส 2 หัว ครั้งที่ 3 กระดาษเปล่า ครั้งที่ 4 และครั้งที่5ได้หม้อหุงข้าว ครั้งที่ 6 ได้หม้ออบ ซึ่งทั้ง 2คน ก็ยกรางวัลที่ได้มามอบให้ทันที และขอเก็บเงินจำนวน 6,000บาท โดยบอกว่า รางวัลที่จับฉลากได้เป็นรางวัลชิ้นใหญ่ ราคาชิ้นละ 1,999บาท หากไม่จ่ายจะผิดกฎหมาย เพราะฉีกฉลากแล้ว ทำลายทรัพย์สินของบริษัทแล้ว ด้วยความกลัว จึงยอมจ่ายเงินไป6,000บาท ได้รับเงินทอนคืน 3 บาท จากนั้น กลุ่มชายหญิง 3 คนก็ขับรถออกไปจากไร่มันสำปะหลังอย่างรวดเร็ว"
นางอมรรัตน์ กล่าวต่ออีกว่าเมื่อ 3 คนออกไปแล้ว เหมือนมีสติกลับคืนมา ลองคิดทบทวนดู และเชื่อว่าถูกแก๊งค์ต้มตุ๋นมาหลอกลวงเอาเงิน เนื่องจากสินค้าที่นำมาขาย ในท้องตลาดขายซองละ 5 บาท บริษัทคงไม่ให้พนักงานออกมาขายในราคาถูกแบบนี้ และคิดว่าบริษัทคงไม่รู้เรื่อง น่าจะเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ คิดเองทำเอง เพื่อมาหลอกชาวบ้านให้หลงเชื่อ โดยลูกๆได้เช็คราคาสินค้าแต่ละชนิดที่วางขายตามท้องตลาด รวมทั้งหมดมีราคาเพียงพันกว่าบาท จึงจะนำสินค้าทั้งหมดเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.มัญจาคีรี ให้มีการสืบสวนจับกุมทั้ง 3 คนมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองร่วมกันตรวจสอบกรณีดังกล่าวตากชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งมีชาวบ้านถูกหลอกจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ที่ทำนา ทำไร่ และอยู่บ้านเพียงลำพัง เพราะลูกหลานไปทำงาน และเป็นการก่อเหตุในลักษณะเดียวกันคือขายสินค้าราคาถูก และจับรางวัลจากฉลากที่ติดข้างซองสินค้า จากนั้นเรียกเก็บเงิน หากไม่จ่ายจะผิดกฎหมาย เมื่อชาวบ้านถูกข่มขู่ก็จะกลัว และยอมจ่ายเงิน โดยล่าสุด พบการก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน แต่เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน ใช้รถยนต์กระบะสีขาวมาขายน้ำยาซักผ้าชนิดน้ำแบบซอง และชิงรางวัล ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านทยอยมาแจ้งความพร้อมรางวัลที่แก๊งค์มิจฉาชีพมอบให้
" เราอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในข้อหาฉ้อโกง และเชื่อว่าคนที่ลงมือก่อเหตุนั้นน่าจะมีการรวมกลุ่มกันประมาณ 10-20คน ใช้ยานพาหนะที่เป็นรถยนต์หลายคันขณะนี้อยู่ระกว่างการสืบสวนหาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งบางคนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวแล้ว รู้ชื่อ ที่อยู่แล้ว ชาวบ้านที่ถูกหลอกก็ชี้รูปภาพยืนยันแล้วว่าเป็นคนร้ายที่มาก่อเหตุในบ้าน ซึ่งถ้าจับกุมคนที่ร่วมขบวนการได้ ก็จะสอบสวนว่า เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ผลิตสินค้าหรือไม่ เพราะอาจจะต้องทำหนังสือถึงบริษัท ให้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น"
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 มี.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังไร่มันสำปะหลัง บ้านหวายหลึม ม.15 ต.นาข่า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เพื่อพบกับนางอมรรัตน์ ดีโม้ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 บ้านหวายหลึม ม.15 ต.นาข่า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นหนึ่งในชาวบ้านที่ถูกแก๊งค์มิจฉาชีพมาหลอกขายสินค้าและจับรางวัล จนสูญเงินไป 6,000บาท
นางอมรรัตน์ ดีโม้ กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมาขณะออกจากบ้านมาทำไร่มันสำปะหลัง ได้มีรถยนต์กระบะสีดำ ไม่ทราบยี่ห้อ ทะเบียน มีผู้ชายเป็นคนขับรถ และหญิงสาว รูปร่างอวบ และผอม 2 คน ลงจากรถมาพูดคุยแนะนำตัวเองว่า เป็นพนักงานมาจากบริษัทผงซักฟอกชื่อดัง มาแนะนำผลิตภัณฑ์ซักผ้า ชนิดน้ำ รุ่นใหม่ และขายในราคาถูกกว่าท้องตลาด คือขายในราคาซองละ 2 บาท จึงซื้อ 10 บาท แต่หญิงสาวทั้ง2 คนบอกว่า แกะฉลากข้างซองมาชิงรางวัลชิ้นละ 39 บาทถึง 1,999บาท มีทั้งรางวัลเล็กและรางวัลใหญ่ที่เป็นรถไถนา รถจักรยานยนต์ โดยทั้งสองคนเอาสมุดที่แสดงรูปรางวัลมาให้ดูว่า ถ้าฉีกฉลากข้างซองออกมาแล้ว จะมีโชครับรางวัลตามรูปภาพ และจะมอบรางวัลให้ทันที
"ตัดสินใจฉีกฉลากเพื่อลุ้นรางวัล โดยครั้งแรกได้กระดาษเปล่า ครั้งที่ 2 ได้เตาแก็ส 2 หัว ครั้งที่ 3 กระดาษเปล่า ครั้งที่ 4 และครั้งที่5ได้หม้อหุงข้าว ครั้งที่ 6 ได้หม้ออบ ซึ่งทั้ง 2คน ก็ยกรางวัลที่ได้มามอบให้ทันที และขอเก็บเงินจำนวน 6,000บาท โดยบอกว่า รางวัลที่จับฉลากได้เป็นรางวัลชิ้นใหญ่ ราคาชิ้นละ 1,999บาท หากไม่จ่ายจะผิดกฎหมาย เพราะฉีกฉลากแล้ว ทำลายทรัพย์สินของบริษัทแล้ว ด้วยความกลัว จึงยอมจ่ายเงินไป6,000บาท ได้รับเงินทอนคืน 3 บาท จากนั้น กลุ่มชายหญิง 3 คนก็ขับรถออกไปจากไร่มันสำปะหลังอย่างรวดเร็ว"
นางอมรรัตน์ กล่าวต่ออีกว่าเมื่อ 3 คนออกไปแล้ว เหมือนมีสติกลับคืนมา ลองคิดทบทวนดู และเชื่อว่าถูกแก๊งค์ต้มตุ๋นมาหลอกลวงเอาเงิน เนื่องจากสินค้าที่นำมาขาย ในท้องตลาดขายซองละ 5 บาท บริษัทคงไม่ให้พนักงานออกมาขายในราคาถูกแบบนี้ และคิดว่าบริษัทคงไม่รู้เรื่อง น่าจะเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ คิดเองทำเอง เพื่อมาหลอกชาวบ้านให้หลงเชื่อ โดยลูกๆได้เช็คราคาสินค้าแต่ละชนิดที่วางขายตามท้องตลาด รวมทั้งหมดมีราคาเพียงพันกว่าบาท จึงจะนำสินค้าทั้งหมดเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.มัญจาคีรี ให้มีการสืบสวนจับกุมทั้ง 3 คนมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองร่วมกันตรวจสอบกรณีดังกล่าวตากชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งมีชาวบ้านถูกหลอกจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ที่ทำนา ทำไร่ และอยู่บ้านเพียงลำพัง เพราะลูกหลานไปทำงาน และเป็นการก่อเหตุในลักษณะเดียวกันคือขายสินค้าราคาถูก และจับรางวัลจากฉลากที่ติดข้างซองสินค้า จากนั้นเรียกเก็บเงิน หากไม่จ่ายจะผิดกฎหมาย เมื่อชาวบ้านถูกข่มขู่ก็จะกลัว และยอมจ่ายเงิน โดยล่าสุด พบการก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน แต่เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน ใช้รถยนต์กระบะสีขาวมาขายน้ำยาซักผ้าชนิดน้ำแบบซอง และชิงรางวัล ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านทยอยมาแจ้งความพร้อมรางวัลที่แก๊งค์มิจฉาชีพมอบให้
" เราอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในข้อหาฉ้อโกง และเชื่อว่าคนที่ลงมือก่อเหตุนั้นน่าจะมีการรวมกลุ่มกันประมาณ 10-20คน ใช้ยานพาหนะที่เป็นรถยนต์หลายคันขณะนี้อยู่ระกว่างการสืบสวนหาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งบางคนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวแล้ว รู้ชื่อ ที่อยู่แล้ว ชาวบ้านที่ถูกหลอกก็ชี้รูปภาพยืนยันแล้วว่าเป็นคนร้ายที่มาก่อเหตุในบ้าน ซึ่งถ้าจับกุมคนที่ร่วมขบวนการได้ ก็จะสอบสวนว่า เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ผลิตสินค้าหรือไม่ เพราะอาจจะต้องทำหนังสือถึงบริษัท ให้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น"