นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ออนไลน์แชร์ภาพรถยนต์หรูของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) รายหนึ่ง นำรถยนต์ของตนเองเข้ามาจอดชาร์จไฟฟรี ที่อาคารรัฐสภา ต่อมามีการตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นของนายชยุต ภุมมะกาญจนะ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย นำมาจอดบริเวณทางเข้าอาคารฝั่งสภาผู้แทนราษฎร แล้วลากสายไฟเข้ามาชาร์จระบบไฟฟ้าของอาคารรัฐสภานั้น กระแสไฟฟ้า แม้จะเป็นทรัพย์ที่ไม่มีรูปร่าง และมองไม่เห็น แต่ก็อาจจะมีราคาและอาจถือเอาได้ ดังนั้น กระแสไฟฟ้าจึงเป็นทรัพย์สิน ตามความหมายใน ม.138 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว ประกอบกับมีแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 877 / 2501 ซึ่งการลักกระแสไฟฟ้า ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.334 โดยตรง ดังนั้น การนำรถของตนมาชาร์จไฟของ ส.ส.ชยุต จึงเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายเจตนา “การลักทรัพย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.334 ประกอบ ม.59 ความว่า ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท การออกมาภาคเสธว่าไม่รู้ ไม่มีใครมาเตือน จึงไม่ทราบนั้น ไม่มีน้ำหนักเหตุผลที่เพียงพอที่จะรับฟังได้ เพราะรถคันดังกล่าวเป็นระบบ Hybrid สามารถใช้น้ำมันแทนไฟฟ้าได้ การนำรถของตนมาชาร์จใช้ไฟฟรีของทางราชการ ซึ่งต้องนำเงินแผ่นดินจากภาษีประชาชน ไปชำระเป็นรายเดือน ย่อมเป็นสิ่งที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติย่อมต้องทราบอยู่แล้วว่า สมควรหรือไม่ นอกจากนั้น การกระทำดังกล่าวยังอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ที่ออกตามความใน ม.219 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ตามที่กำหนดไว้ใน “มาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 ในข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ข้อ 11 ข้อ 17 และข้อ 24 ประกอบข้อ 27 อีกด้วย ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่อาจปล่อยให้ลอยนวลไปได้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็น กรณี ส.ส. นำรถยนต์ของตนมาจอดชาร์จไฟฟรี ที่อาคารรัฐสภาโดยมิได้รับอนุญาต อันถือว่าเป็นการลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา และมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่ อย่างไร หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติฯ ขอให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อพิพากษาลงโทษ ตามครรลองของกฎหมายต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด