ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith ระบุว่า...กรณี 279 นักวิชาการและวิชาชีพอื่น ซึ่งออกมากดดันให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หยุดการตรวจสอบ การบิดเบือนเนื้อหาทางการเมืองในวิทยานิพนธ์ของนายณัฐพล ใจจริง นั้น ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เกิดเหตุประเภทนี้ขึ้นมา กรณี รศ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ การบิดเบือนเนื้อหาและประวัติศาสตร์ทางการเมือง ถูกกระทำโดยนักวิชาการบางกลุ่มมาโดยตลอด ครั้งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด คือ กรณี รศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ซึ่งเสียชีวิตไปก่อนแล้ว หากไม่เสียชีวิตไปก่อน ก็คงจะเป็น 280 นักวิชาการ) ในปี 2557 นายสุธาชัย ได้เขียนบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อช่วยนาย "โกตี๋" หรือ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ อดีตแกนนำเสื้อแดงหัวรุนแรงที่สั่งสมกองกำลังติดอาวุธก่อเหตุระเบิดและทำร้ายผู้คนในช่วงวิกฤตการเมือง ข้อเท็จจริงการให้สัมภาษณ์ของโกตี๋ บทความของนายสุธาชัย ออกมาหลังจากที่นายโกตี๋ ได้ไปให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Vice News ของแคนาดา โดยมีใจความสำคัญคือ 1. โกตี๋ชี้นิ้วขึ้นฟ้าพร้อมพูดว่าเขาไม่ได้สู้กับสุเทพแต่สู้กับในหลวง ร.9 และกล่าวหาว่าท่านเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังม็อบมาล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 2. โกตี๋ประกาศว่า "เบื้องหน้าเราพูดเรื่องประชาธิปไตย เบื้องหลังเราฝึกนักรบ พูดง่ายๆ ว่าหัดยิงปืน ถ้าวันที่ 2 การเลือกตั้งเกิดขึ้นไม่ได้ หรือพวกนั้นออกมาขัดขวาง การต่อสู้จะเต็มรูปแบบ ผมจะเป็นคนจุดระเบิดเอง" ซึ่งหลักฐานนี้ชัดเจนและไม่ต้องตีความเพิ่มเติมเลย จนเป็นเหตุให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ สั่ง ผบ.ตร.ดำเนินการจับกุมโกตี๋ทันที ด้านโกตี๋ก็ออกมาแก้ตัวว่า โดยใส่ร้ายตัดต่อบิดเบือน (กล้าทำไม่กล้ารับ) ซ้ำยังฝากถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า ที่ผ่านมาเขาสู้เพื่อพรรคเพื่อไทย-รัฐบาลมาตลอด ขอความเป็นธรรมบ้าง อย่าเสร็จนาฆ่าโคถึก การบิดเบือนของสุธาชัย บทความของสุธาชัยลงเวปไซท์ประชาไท เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2557 ชื่อบทความว่า "ไล่ล่าสุดขอบฟ้าโกตี๋" โดยมีเนื้อหาอ้างอิงมาจากนิตยสาร โลกวันนี้วันสุข ฉบับ 460 วันที่ 19 เมษายน 2557 1. นายสุธาชัย บอกว่าโกตี๋ โดนใส่ร้ายป้ายสีโดนพรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายขวา เพราะโกตี๋แค่ชี้นิ้วขึ้นฟ้าและบอกมีคนอยู่เบื้องหลังม็อบ แต่ไม่ได้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพแต่ประการใด โดยสุธาชัย "จงใจตัดตอน" ไม่พูดถึงเนื้อหาในประโยคหลังจากนั้นของโกตี๋ พร้อมการขึ้นภาพในหลวง ร.9 และคำประกาศของโกตี๋ที่ใส่ร้ายในหลวง เพื่อจะบิดเบือนข้อเท็จจริงให้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง 2. นายสุธาชัย ตัดตอนเนื้อหาที่โกตี๋ประกาศว่า "เบื้องหน้าพูดเรื่องประชาธิปไตย เบื้องหลังฝึกกองกำลังติดอาวุธ" และจงใจไม่พูดถึงหลักฐานที่ชัดเจน จนแม้แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังต้องออกหมายจับโกตี๋ 3. สุธาชัยบิดเบือนว่า 112 เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยไม่เอาข้อเท็จจริงมาดูว่าโกตี๋ทำจริงหรือไม่ ซ้ำยังดูถูกคนไทยว่าเชื่อโดยไม่มีหลักฐานหรือเหตุผล (สุธาชัยคงคิดว่าคนติดตามเขา คงไม่มีอินเตอร์เน็ทและเข้าถึง youtube ไม่ได้) และนั่นคือ การกระทำของนักวิชาการระดับ #รองศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศครับ!!! การบิดเบือนทั้งของสุธาชัย และของนายณัฐพล นั้นเป็นการกลับขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว เนื้อหาเป็นคนละเรื่อง และการกระทำแบบนี้ถูกทำซ้ำมาแล้วไม่รู้กี่รอบ ผ่านงานเขียนในหนังสือ บทความ การสัมมนาวิชาการ และเมื่อถูกจับได้ถึงการโกหกบิดเบือน นักวิชาการกลุ่มนี้กลับออกมากดดันให้มหาวิทยาลัย "ยุติการตรวจสอบ" นี่ไม่ใช่เสรีภาพทางวิชาการครับ แต่มันคือการสร้างเรื่องโกหกและทำซ้ำๆ หรือที่เราเรียกว่า "Big Lie" ที่ถูกผลิตโดยนักวิชาการบางคนบางกลุ่ม
ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจากเฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith