เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 27 มี.ค.64 พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายกานต์ ทองเดิน ปลัดอำเภอมัญจาคีรี พร้อมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ ตามหมู่บ้าน ตำบล เพื่อพบกับชาวบ้านที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพ อ้างเป็นพนักงานบริษัท ออกแนะนำสินค้า และชิงรางวัล โดยคณะได้เดินทางไปพบกับนางลำดวน หงษาพันธุ์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 ม.5 บ้านนางาม ต.นาวาม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกหลอกเอาเงิน 4,000 บาทไปเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา นางลำดวน กล่าวว่า ทุกวันจะออกมาที่ไร่มันสำปะหลัง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กม. และในวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา มีหญิงสาว 2 คน รูปร่างอวบ และผอม อายุประมาณ 30-40ปี และชายอีกคนเป็นคนขับรถยนต์กระบะสีดำ ไม่ทราบยี่ห้อ ทะเบียน ขับมาถึงที่ไร่มันสำปะหลัง แนะนำว่าเป็นพนักงานบริษัท มาขายน้ำยาซักผ้าตัวใหม่ ในราคาซองละ 5 บาท จึงตัดสินใจซื้อ 10บาท คนขายบอกว่า มีฉลากชิงรางวัลติดที่ซอง ให้เปิดดู ถ้าได้รับรางวัลก็จะได้รับมอบทันที จึงฉีกฉลากที่ซองมาเปิดดู ใบแรกเตาแก๊ส 2 หัว ใบที่สองได้เตาอบเตาย่าง คนขายแจ้งว่า เมื่อได้รางวัลแล้วต้องจ่ายเงิน 4000บาท หากไม่จ่ายจะผิดกฎหมาย จึงได้กลับไปเอาเงินที่บ้านจ่ายค่ารางวัลตามจำนวนดังกล่าว เมื่อได้เงินแล้วทั้งหมดก็ขับรถไปอย่างรวดเร็ว “ทีแรกยังไม่รู้ว่าถูกหลอก จนลูกๆมาดูสินค้าจึงรู้ว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และขายในราคาของท้องตลาด แต่ไม่ได้เข้าแจ้งความ เพราะคิดว่า ฟาดเคราะห์ แต่อยากบอกชาวบ้านว่า อย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ เพราะจะเสียเงินให้มิจฉาชีพ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ให้ความสนใจในความเดือดร้อนของชาวบ้าน ก็จะเข้าแจ้งความ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุม กลุ่มมิจฉาชีพมาดำเนินคดีตามกฎหมาย” ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 63 ม.บ้านนาจาน ม.11 ต.หนองแปน องมัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เพื่อพบกับนายสุรัตน์ พันธ์เนียม อายุ 69 ปี เจ้าของบ้าน เพื่อสอบถามรายละเอียด หลังจากถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าและให้จับฉลากชิงรางวัลราคา 39 บาท และราคา 1,999บาท ทำให้ได้สินค้าที่ไม่สมราคา และเชื่อว่าเป็นการกระทำของแกงค์ต้มตุ๋น จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.มัญจาคีรี เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสุรัตน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ได้มีรถเก๋ง ยี่ห้อนิสสันมาร์ช สีเขียว ทะเบียนจำได้เพียงจังหวัดชัยภูมิ ขับมาจอดที่ถนนทางเข้าบ้านแล้วมีหญิงสองคน เดินเข้ามาหาพร้อมแนะนำตัวเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัท มาแนะนำสินค้าตัวใหม่ชื่อไฟน์ไลน์ ที่เป็นทั้งน้ำยาซักผ้าและปรับผ้านุ่ม ที่จำหน่ายในท้องตลาดซองละ 5 บาท แต่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของบริษัท จะขายเพียงซองละ1บาท จึงตกลงซื้อ 5 ซอง เป็นเงิน 5 บาท แต่หญิงทั้งสองคนให้มา 6 ซอง หญิงสาวทั้ง 2 คนแนะนำว่า แต่ละซองจะมีฉลากรางวัลติดอยู่ สามารถแกะฉลากออกมารับรางวัลได้ ซึ่งรางวัลจะมี 2 ประเภทคือรางวัลละ 39 บาท ซึ่งจะเป็นสินค้าราคาถูกเช่น นาฬิกา แว่นตา วิทยุ พัดลม และอีกประเภทคือสินค้าชิ้นใหญ่ ที่ทีราคา 1,999บาท คือ เลื่อยยนต์ เตาแก๊ส หม้อหุงข้าว เตาอบ รถไถ รถจักรยานยนต์ จึงตัดสินใจฉีกฉลากเผื่อได้รางวัลเป็นวิทยุมาให้ภรรยาฟัง แต่ได้เลื่อยยนต์แทน จากนั้นฉีกใบที่สองและใบที่สาม เป็นกระดาษเปล่า ใบที่4 ได้รางวัลเป็นเตาแก๊ส 2 หัว ส่วนที่เหลือไม่ขอเปิด ซึ่งหญิงทั้งสองคนบอกว่า เมื่อเปิดฉลากได้รางวัลต้องรับรางวัล หากไม่รับจะถือว่าทำผิดกฏกติกา ผิดกฎหมาย ต้องถูกจับกุม จึงตัดสินใจรับรางวัลทั้ง 2 ชิ้นและจ่ายเงินอีก 4000บาท เมื่อหญิงสาว 2 คนได้รับเงินแล้วก็เดินไปขึ้นรถที่มีชายอีก1 คนเป็นคนขับ ขับออกไปทันทีเมื่อทั้ง 3 คนไปแล้ว จึงบอกลูกสาวมารับเตาแก๊สไปใช้ เมื่อลูกสาวมาเห็นจึงรู้ว่าเป็นสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ จึงพาเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มัญจาคีรีให้ทำการสืบสวนจับกุม กลุ่มมิจฉาชีพมากำเนินคดีตามกฏหมาย ขณะที่ พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.มัญจาคีรี กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.เป็นต้นมา ทราบว่ามีชาวบ้านหลายรายถูกแกงค์มิจฉาชีพ หลอกลวงต้มตุ๋น เอาสินค้าประเภทน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม มาเสนอขายในราคาถูกกว่าท้องตลาด และมีการจับรางวัลหลายประเภทมีทั้งราคาถูกและราคาแพง ทั้งยังข่มขู่ชาวบ้านในลักษณะว่าหากฉีกฉลากรางวัลแล้วไม่รับหรือไม่จ่ายเงิน จะเป้นการทำผิดกฎหมาย ชาวบ้านหลงเชื่อยอมจ่ายเงินให้ แต่รางวัลที่ได้ กลับมีราคาแพงกว่าท้องตลาด บางรายฉีกฉลาก 4 ใบ จ่ายเงินหลายพันบาท แต่เอาสินค้ามาเช็คราคาตามท้องตลาด กลับมาราคาที่ถูกมาก จึงได้ประสานฝ่ายปกครองให้แจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ให้แจ้งประชาชนในพื้นที่ได้ทราบว่า คนกลุ่มนี้ไม่ใช่พนักงานของบริษัท และไม่มีการขายสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด อย่าหลงเชื่อ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.มัญจาคีรี อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เบาะแสของคนร้าย ซึ่งทราบข้อมูลจากทะเบียนรถที่ชาวบ้านแจ้งมาแล้วว่า คนกลุ่มนี้ อยู่ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ อยู่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยาน หลักฐาน ส่งให้พนักงานสอบสวน ขอศาลออกหมายจับ จับกุมตัวมาดำเนินคดีในข้อหา ฉ้อโกง ด้าน นายกานต์ ทองเดิน ปลัด อำเภอมัญจาคีรี กล่าวว่า อำเภอมัญจาคีรี ไม่ได้นิ่งนอนใจกับความเดือดร้อนและความเสียหายที่เกิดกับชาวบ้าน ซึ่งนายอำเภอมัญจาคีรี ได้สั่งการไปยังผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ให้ประกาศประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทราบถึงพฤติกรรมของมิจฉาชีพ ในการเข้ามาในพื้นที่ และทำการหลอกลวงชาวบ้าน รวมถึงให้ผู้ใหญ่บ้านรวบรวมข้อมูลของชาวบ้านที่ถูกหลอก ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเข้าแจ้งความกับตำรวจ เพื่อจะได้จับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อีกทั้งยังให้หมู่บ้านจัดเวรยาม ตรวจความเรียบร้อยทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์และตัวบุคคลที่ผ่านเข้าออกในหมู่บ้าน เพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นมาซ้ำอีก