พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำตัว “หลงจู๊สมชาย” เจ้าพ่อบ่อนพนันภาคตะวันออก กับพวก รวม 8 คน ไปขอหน้าศาลฝากขังที่ศาลอาญารัชดา ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว ด้านสันธนะ หรือ รองต่อ มาคอยสังเกตุการณ์
วันที่ 27 มีนาคม2564 เวลา 10.00 น.ที่กองบังคับการปราบปราม หรือ บก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้นำตัว นายสมชาย จุติกิติ์เดชา หรือ "หลงจู๊สมชาย" ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีจ้างวานฆ่าวินจักรยานยนต์รับจ้าง /คดีร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนัน พร้อม นายธนา จุติกิติ์เดชา ลูกชาย ในความผิดฐาน "ฟอกเงิน" และพวกเครือข่าย รวม 8 คน ไปขออำนาจศาลอาญารัชดา ฝากขังผัดแรกพร้อมคัดค้านการประกันตัว หลังถูกจับกุมในปฎิบัติ “ยุทธการหนุมานดับบูรพา” เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา หลังควบคุมตัวไว้สอบปากคำครบกำหนด 48 ชั่วโมง ถึงแม้ว่านายสมชายและพวกทุกคน ยังคงให้การปฏิเสธทุ กข้อกล่าวหาในชั้นการสอบสวน
โดยพันตำรวจเอกเอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวนายสมชายและพวก เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงและเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน ยังรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องในคดีจ้างวานฆ่า แล้วเสร็จ โดยมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีว่าสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้
รองผู้บังคับการกองปราบปราม ยังยอมรับว่า พนักงานสอบสวนนำเอาพยานที่เป็น คลิปเสียงสนทนา ที่อ้างว่า นายสมชายพูดคุยกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ มาตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนวนคดีนี้ สำหรับการดำเนินคดีกับเครือข่ายของนายสมชาย ตำรวจขอหมายจับ 35 หมายจับ ผู้ต้องหา 22 คน จับได้แล้ว 8 คน ที่เหลือยังอยู่ระหว่างขยายผลติดตามตัว / ส่วนทรัพย์สินที่จะต้องยึดอายัดมีทั้งหมด 665 รายการ มูลค่ากว่า 1,500 บาท โดยอยู่ระหว่างประสาน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. อายัดทรัพย์ต่อไป
กระทั่งเวลา 10.15 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้นำตัว นายสมชาย จุติกิติ์เดชา หรือหลงจู๊สมชาย ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาจ้างวานฆ่า และ นายธนา จุติกิติ์เดชา ลูกชาย ในข้อหาฟอกเงิน พร้อมพวก รวม 8 คน ส่งศาลอาญารัชดา โดยมีญาติและครอบครัวของนายสมชายมายืนรอสังเกตการณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่นำตัวหลงจู๊เข้าห้องเวรนำชี้ ทางลูกสาวที่มารอรับได้ตะโกนเรียก "พ่อ" ซึ่งทั้งสองคนก็ได้มีการหยุดมองหน้ากัน ก่อนจะถูกพาตัวไป
อีกทั้งเวลา 10.30.น. นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจชื่อดัง เดินทางมาที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เพื่อสังเกตการณ์ กรณี ฝากขัง หลงจู๊สมชาย กับพวก ในข้อหาจ้างวานฆ่า และร่วมกันฟอกเงิน กรณีถ้าศาลอนุญาตให้ประกันตัว ทั้ง 8 คน โดยเฉพาะหลงจู๊สมชายกับลูก ซึ่งหาก คดีนี้ศาลอนุญาตให้ประกันตัว ตนเอง ก็จะ ยื่นขอประกันตัว เสี่ยโป้ หรือ นายโป้ โป้อานนท์ บ้าง แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า มีเพียงญาติ ของผู้ต้องหาหญิง ในคดีฟอกเงิน เท่านั้นที่ยื่นขอประกันตัว ขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่นๆอีก 7 คน ไร้ญาติ ยื่นประกันตัว ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า หลงจู๊สมชาย ย่อมรู้ตัว ว่ายื่นไปก็ไม่ได้
นอกจากนี้ นายสันธนะ ยังกล่าวถึงกระแสข่าว ตำรวจ ตัดทิ้ง หลงจู๊สมชาย และเตรียมดัน เจ้าพ่อ บ่อนการพนันย่านพัทยา ขึ้นมาว่า ก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่า พัทยา เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ และ บุคคลที่เป็นข่าว ก็ดูแลตำรวจ ได้ดีไม่แตกต่างจาก พื้นที่ระยอง และมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ เมื่อคนเก่าไปคนใหม่ก็มาแทน โดยเฉพาะในกรณีของหลงจู๊สมชาย เชื่อว่าเป็นไปได้ยาก ที่จะกลับมาคืนสู่วงการได้ เพราะ ได้สูญเสียเครดิตและความเชื่อมั่นไปแล้ว ดังนั้น หากคลื่นลูกใหม่ ที่รอคอยเวลามายาวนานจะขึ้นมาผงาดแทนที่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
สำหรับในส่วนกรณีคลิปเสียง การเจรจาต่อรองผลประโยชน์ ระหว่างหลงจู๊สมชายกับนายตำรวจคนดัง นายสันธนะ ระบุว่า ที่ผ่านมา ตนเองก็ได้บอกไปแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อ เมื่อมาถึงวันนี้มันใช่ ส่วนกรณีที่หลายคนสงสัย ว่าเหตุใด ตำรวจนครบาล จึง มีส่วน กับ การเรียกรับผลประโยชน์ จากหลงจู๊สมชายได้ ตนอยากจะอธิบายว่า นายตำรวจคนนี้ เคยไปช่วยราชการในพื้นที่ภูธรภาค 2 และทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อ ให้กลับนาย อีกทอดหนึ่ง และหลังจากนั้น ก็ทำหน้าที่ตัวกลางมาตลอด แล้วตัวเลขที่จ่ายกัน เป็นเลข 7 หลัก จึงไม่แปลก หากหลงจู๊สมชาย จะบันทึกเสียงเอาไว้ เป็นหลักฐาน
โดยพันตำรวจเอกเอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวนายสมชายและพวก เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงและเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน ยังรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องในคดีจ้างวานฆ่า แล้วเสร็จ โดยมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีว่าสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้
รองผู้บังคับการกองปราบปราม ยังยอมรับว่า พนักงานสอบสวนนำเอาพยานที่เป็น คลิปเสียงสนทนา ที่อ้างว่า นายสมชายพูดคุยกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ มาตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนวนคดีนี้ สำหรับการดำเนินคดีกับเครือข่ายของนายสมชาย ตำรวจขอหมายจับ 35 หมายจับ ผู้ต้องหา 22 คน จับได้แล้ว 8 คน ที่เหลือยังอยู่ระหว่างขยายผลติดตามตัว / ส่วนทรัพย์สินที่จะต้องยึดอายัดมีทั้งหมด 665 รายการ มูลค่ากว่า 1,500 บาท โดยอยู่ระหว่างประสาน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. อายัดทรัพย์ต่อไป
กระทั่งเวลา 10.15 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้นำตัว นายสมชาย จุติกิติ์เดชา หรือหลงจู๊สมชาย ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาจ้างวานฆ่า และ นายธนา จุติกิติ์เดชา ลูกชาย ในข้อหาฟอกเงิน พร้อมพวก รวม 8 คน ส่งศาลอาญารัชดา โดยมีญาติและครอบครัวของนายสมชายมายืนรอสังเกตการณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่นำตัวหลงจู๊เข้าห้องเวรนำชี้ ทางลูกสาวที่มารอรับได้ตะโกนเรียก "พ่อ" ซึ่งทั้งสองคนก็ได้มีการหยุดมองหน้ากัน ก่อนจะถูกพาตัวไป
อีกทั้งเวลา 10.30.น. นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจชื่อดัง เดินทางมาที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เพื่อสังเกตการณ์ กรณี ฝากขัง หลงจู๊สมชาย กับพวก ในข้อหาจ้างวานฆ่า และร่วมกันฟอกเงิน กรณีถ้าศาลอนุญาตให้ประกันตัว ทั้ง 8 คน โดยเฉพาะหลงจู๊สมชายกับลูก ซึ่งหาก คดีนี้ศาลอนุญาตให้ประกันตัว ตนเอง ก็จะ ยื่นขอประกันตัว เสี่ยโป้ หรือ นายโป้ โป้อานนท์ บ้าง แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า มีเพียงญาติ ของผู้ต้องหาหญิง ในคดีฟอกเงิน เท่านั้นที่ยื่นขอประกันตัว ขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่นๆอีก 7 คน ไร้ญาติ ยื่นประกันตัว ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า หลงจู๊สมชาย ย่อมรู้ตัว ว่ายื่นไปก็ไม่ได้
นอกจากนี้ นายสันธนะ ยังกล่าวถึงกระแสข่าว ตำรวจ ตัดทิ้ง หลงจู๊สมชาย และเตรียมดัน เจ้าพ่อ บ่อนการพนันย่านพัทยา ขึ้นมาว่า ก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่า พัทยา เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ และ บุคคลที่เป็นข่าว ก็ดูแลตำรวจ ได้ดีไม่แตกต่างจาก พื้นที่ระยอง และมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ เมื่อคนเก่าไปคนใหม่ก็มาแทน โดยเฉพาะในกรณีของหลงจู๊สมชาย เชื่อว่าเป็นไปได้ยาก ที่จะกลับมาคืนสู่วงการได้ เพราะ ได้สูญเสียเครดิตและความเชื่อมั่นไปแล้ว ดังนั้น หากคลื่นลูกใหม่ ที่รอคอยเวลามายาวนานจะขึ้นมาผงาดแทนที่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
สำหรับในส่วนกรณีคลิปเสียง การเจรจาต่อรองผลประโยชน์ ระหว่างหลงจู๊สมชายกับนายตำรวจคนดัง นายสันธนะ ระบุว่า ที่ผ่านมา ตนเองก็ได้บอกไปแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อ เมื่อมาถึงวันนี้มันใช่ ส่วนกรณีที่หลายคนสงสัย ว่าเหตุใด ตำรวจนครบาล จึง มีส่วน กับ การเรียกรับผลประโยชน์ จากหลงจู๊สมชายได้ ตนอยากจะอธิบายว่า นายตำรวจคนนี้ เคยไปช่วยราชการในพื้นที่ภูธรภาค 2 และทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อ ให้กลับนาย อีกทอดหนึ่ง และหลังจากนั้น ก็ทำหน้าที่ตัวกลางมาตลอด แล้วตัวเลขที่จ่ายกัน เป็นเลข 7 หลัก จึงไม่แปลก หากหลงจู๊สมชาย จะบันทึกเสียงเอาไว้ เป็นหลักฐาน