วันนี้(26 มี.ค.64) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลปกครองกลางได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัฐฐิติพงศ์ หรือ อัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ และอดีตผู้ช่วยเลขานุการ ในคณะทำงานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พานิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 กรณีขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่สั่งให้ทั้งหมดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการทุจริตโครงการรับจำนำและระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐในวันจันทร์ที่ 29 มี.ค. เวลา 10.00 น.
โดยคดีนี้ปัจจุบัน ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 จำคุกอยู่ตามคำพิพาษาศาลฎีภาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีทุจริตโครงการดังกล่าว ซึ่งการฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลปกครองกลางเกิดขึ้นหลังกระทรวงพาณิชย์มีคำสั่งที่ 457 ลงวันที่ 19 ก.ย. 59 สั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยให้ นายบุญทรง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 1,770 ล้านบาท, นายภูมิ จำนวน 2,300 ล้านบาท และ นายมนัส, นายอัฐฐิติพงศ์, นายทิฆัมพร เป็นเงินจำนวนรายละ 4,011 ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จากกรณีจงใจกระทำละเมิดให้ราชการเสียหาย จากการนำข้าวตามสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐมาเวียนขายให้ผู้ประกอบการค้าข้าวภายในประเทศ
ขณะเดียวกันในวันที่ 29 มี.ค.ศาลปกครองยังจะออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 2 คน ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 9 คน กรณีขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค.59 ที่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 3.5 หมื่นล้าน จากเหตุขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการตามอำนาจหน้าที่ ทำให้กระทรวงการคลังได้รับความเสียหาย โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์มีการยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองรวม 4 คำฟ้อง ซึ่งศาลได้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียว
โดยในวันดังกล่าวศาลจะได้มีการสรุปข้อเท็จจริงในคดีให้ผู้รับมอบอำนาจของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้รับทราบ รวมทั้งให้ตุลาการผู้แถลงคดีจะได้แถลงความเห็นส่วนตัวที่ไม่มีผลผูกพันต่อการพิจารณาวินิจฉัยคดีขององค์คณะตามขั้นตอนการพิจารณาของศาลปกครอง อย่างไรก็ตามศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งนัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 2 เม.ย.เวลา 09.00 น.