ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ปรับแผนเตรียมส่งเรือรบหลวงตั้งฐานปฏิบัติการอ่าวปากพนังกวาดล้างขบวนการคราดหอยเถื่อนหลังใช้เรือพุ่งชนเจ้าหน้าที่ศรชล.เจ็บสาหัส 5 นายเครือข่ายประมงพื้นบ้านให้เวลา 14 วันจี้เร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ กรณีเหตุการณ์ขบวนการคราดหอยเถื่อน ได้ก่อเหตุใช้เรือหางยาวขนาดใหญ่ พุ่งเข้าชนเรือปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ศรชลภาค 2 ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 5 นาย หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ออกปฏิบัติการป้องปรามการทำประมงผิดกฎหมายในอ่าวปากพนัง และอ่าวปากนคร และได้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเมื่อกลางดึกของวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา บริเวณปากอ่าวปากนคร ตำบลปากนคร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และยังปิดล้อมกดดันไม่ให้นำตัวเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นฝั่งส่ง โรงพยาบาล ความคืบหน้าในเรื่องนี้ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น.ของวันนี้(24มี.ค.) พลเรือโทสำเริง จันทร์โส ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล หรือ ศรชล ภาค 2 ได้เดินทางเข้าเยี่ยมอาการและมอบกระเช้าและเงินช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (ซีล) เจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช และอาสาสมัครผู้ช่วยเหลือพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งกำลังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช โดยมีนายแพทย์ทรงเกียรติ เล็กตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ต้อนรับ และมีแพทย์หญิงปรานปวีย์ โรจน์เจริญงาม หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรมกระดูกและข้อ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้ดูแลเจ้าหน้าที่บาดเจ็บทั้ง 5 ราย ได้รายงานอาการของผู้บาดเจ็บว่าจะต้องรักษาตัวแต่ละนายตั้งแต่ 1-6 เดือน พลเรือโทสำเริง จันทร์โส ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 เปิดเผยว่าหลังจากนี้จะมีการปรับแผนแล้วจะส่งเรือรบขนาดใหญ่เข้ามาในอ่าวปากพนัง เป็นฐานปฏิบัติการลอยน้ำเพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น คนที่กระทำความผิดเราต้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ส่วนเขาจะไปเชื่อใคร อย่างไรแต่ทำถึงขนาดนี้เป็นความผิดร้ายแรง แต่ถ้ามีกฎหมายให้ทำประมงแบบนี้ได้ เราก็ต้องถอนตัว ในเรื่องนี้เราต้องปรับแผนยุทธวิธี อย่าให้ถึงขั้นตอบโต้เดี๋ยวจะดูเป็นความรุนแรง แต่ชีวิตของเจ้าหน้าที่เราก็เป็นห่วง แต่เราก็ต้องห่วงชีวิตของประชาชนมากกว่า ขณะเดียวกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช แกนนำเครือข่ายประมงพื้นบ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช จากทุกอำเภอ ได้รวมตัวกันกว่า 100 คน เพื่อยื่นหนังสือข้อเรียกร้องผ่านไปยังผู้อำนวยการศรชลภาค 2 แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้มีการเร่งรัดดำเนินการกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจอย่างมาก มีการทำประมงที่ผิดกฎหมายและแสดงอำนาจบาดใหญ่ด้วยการทำร้ายเจ้าหน้าที่อย่างรุนแรง โดยให้เวลาเจ้าหน้าที่ต้องทำการจับกุมดำเนินการภายใน 14 วัน โดยหลังจากนั้นหากไม่มีความคืบหน้าจะมีการรวมตัวกันอีกครั้ง ส่วนนายประยุทธ ฐานะวัฒนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุกหนึ่งในแกนนำชาวประมงพื้นบ้านที่ได้ร่วมปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มประมงผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันได้เรียกร้องถึงปัญหานี้ว่ามันรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงเวลาที่ต้องยอมรับว่านี่คือการกระทำความผิด ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ยั้งพลั้งมือไปก็ถึงแก่ชีวิต แต่ถ้าเป็นตนเองนั้นวันนี้ผมยอมติดคุกแน่นอนผมยิงตอบโต้แน่ไม่ปล่อยให้ลอยนวลเช่นนี้ เพราะผมทำตามหน้าที่ของผู้ปกครองท้องที่ต้องดำเนินการ ขณะที่นายไกรศร วิศิษฐ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งลงมารับหนังสือด้วยตนเอง ได้ชี้แจงกับเครือข่ายประมงพื้นบ้านและเรียกร้องว่าไม่ควรใช้ความรุนแรงไปตอบโต้ ขณะที่การติดตามคนร้ายนั้นกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วน ต้องใช้กระบวนการทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และมีความรอบคอบให้เวลากับเจ้าหน้าที่ ขอให้ทุกคนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนกำลังตั้งประเด็นสอบสวนและไม่เกิน 2 วันนี้น่าจะออกหมายจับได้ สำหรับการแจ้งความดำเนินคดีนั้น เจ้าหน้าที่ได้ระบุชื่อผู้ต้องหาได้แล้ว โดยมีการแจ้งใน 3 ข้อหาคือ 1.ใช้เครื่องมือคราดหอย ลากในเขตชายฝั่งโดยผิดกฎหมาย 2.ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และ 3.พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่