เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 24 มี.ค. ที่ บก.ปคบ. พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมกับนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ คณะกรรมการอาหารและยา ร่วมแถลงข่าวผลระดมตรวจค้นจับกุมสถานบริการทางการแพทย์ไม่ได้รับอนุญาต คลีนิคเถื่อน หมอกระเป๋า ระหว่างวันที่ 15 ถึง 23 มี.ค. จำนวน 6 จุด ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม อาทิ ฟิลเลอร์ ยาสลายไขมัน เครื่องทำเลเซอร์อัลเทอร่า ถูกเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคหรือ ปคบ. พร้อมด้วยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และอย.ร่วมกันจับกุมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือหมอกระเป๋า และคลินิกเสริมความงามที่ไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล โดยแบ่งเป็นการจับกุมหมอกระเป๋า 3 คน คือ นางสาวสายฝน อายุ 31 ปี ถูกจับกุมได้ที่บางบัวทองจังหวัดนนทบุรี และนายนฏกร อายุ 27 ปี ที่ย่านห้วยขวาง พร้อมตรวจยึดของกลางเข็มฉีดยาและไซริงค์ใช้แล้ว และผลิตภัณฑ์ยา / และจับกุมนางสาวจินตนา อายุ 35 ปี พร้อมยึดเครื่องมือทำเลเซอร์เทอมาจและอัลเทอร่า สำหรับยกกระชับหน้า นอกจากนี้เข้าตรวจสถานพยาบาลที่ไม่ได้อนุญาตในพื้นที่เขตคลองสามวา จตุจักร และหลักสี่ รวม 3 แห่ง พร้อมยึดของกลางเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ยาต่างๆ การจับกุมครั้งสืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่า ไปรับบริการเสริมความงามยกกระชับหน้ากับแพทย์คนหนึ่งที่ให้บริการที่บ้านพักย่านบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และทำให้ใบหน้าเสียโฉม จึงเข้าร้องเรียนกับ ปคบ. ก่อนที่จะขยายผลและพบว่า มีบุคคลที่อ้างตัวเป็นแพทย์โฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก และเปิดกลุ่มชักชวนสมาชิกให้มาใช้บริการ ซึ่งหมอกระเป๋าที่ถูกจับกุมไม่มีความรู้ด้านแพทย์ เป็นเพียงผู้ที่ชื่นชอบรักความสวยงาม เหยื่อผู้เสียหายได้รับผลกระทบจากการเสริมความงามส่วนใหญ่ จะเกิดจากการทำศัลยกรรมจมูก และเสริมหน้าอก ขณะที่ จากการตรวจสอบของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พบว่า หมอกระเป๋าส่วนมากมักไปให้บริการที่บ้านหรือคอนโด ซึ่งหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์แพทย์ที่รักษาได้ทันที ส่วนแพทย์จำนวนมากที่ให้บริการกับลูกค้าที่มาเสริมความงามไม่ทราบมาก่อนว่าสถานพยาบาลเหล่านี้ ดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงย้ำเตือนแพทย์ให้ตรวจสอบรายละเอียดของคลินิกที่รับดำเนินการ เช่น ใบอนุญาต วันเวลาการให้บริการของแพทย์พร้อมกันนี้ยังย้ำเตือนประชาชนที่เสริมความงาม ให้เลือกสถานพยาบาลและแพทย์ที่มีใบอนุญาตถูกต้อง รวมถึงก่อนฉีดควรสอบถามหรือดูตัวยาว่ามีการขึ้นทะเบียนถูกต้องจากอย.หรือไม่ เพราะการศัลยกรรมหรือฉีดบนใบหน้าต้องเป็นแพทย์ที่มีความรู้กายวิภาคบนใบหน้า เนื่องจากใบหน้ามีกล้ามเนื้อเล็กๆ เส้นเลือดมากมาย หากเกิดความผิดพลาด เช่น มีอาการแพ้ / เกิดอาการสายตาพร่ามัว / เข้าสู่สมอง /การติดเชื้อ ถ้าหากฉีดผิดอาจส่งผลต่อการเสียโฉมและเสียชีวิตได้