เมื่อวันที่ 24 มี.ค.64 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก./หน.ชป.2 ศปจร.ตร. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.อภิชน ขันกา สว.กก.4 ร่วมกันจับกุมนายสิทธิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 48/2560 ลง17 ก.พ. 60 ในข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการลักทรัพย์ หรือพาทรัพย์นั้นไป ท้องที่ สภ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี และหมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 35/2560 ลง17 ก.พ.60 ในข้อกล่าวหา ร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปลักทรัพย์รถจยย. ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด การพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร ท้องที่ สภ.นาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี ได้ที่บ้าน ม.8 ต.ท่าใหญ่ อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ
เนื่องด้วยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้เผยแพร่ปฏิทินหมายจับผู้ต้องหาของทางศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งมีนายสิทธิชัย ผู้ต้องหา เป็น 1 ในรายชื่อในปฏิทินหมายจับและยังไม่ได้ถูกจับกุมดำเนินคดีแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมนายสิทธิชัย ตามหมายจับดังกล่าว จนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บริเวณบ้าน ม.8 ต.ท่าใหญ่ อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบผู้ต้องหา จึงได้ทำการจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พิบูลมังสาหาร ดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ตนก่อเหตุเมื่อปี 2560 ร่วมกันกับคนรู้จักอีก 2 คน ไม่ทราบชื่อจริง โดยผู้ต้องหาจะทำหน้าที่ขับขี่รถจยย.พาเพื่อนไปก่อเหตุ โดยมีนายอ่อน เป็นคนขับรถอีกคันและมีนายโอ เป็นคนลงมือหักคอรถจยย. ก่อนจะต่อสายตรงรถจยย.คันดังกล่าว เมื่อสามารถลักรถจยย. ได้แล้วกลุ่มของตนจะนำรถจยย. ไปส่งขายที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยผ่านช่องทางบริเวณ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งในการก่อเหตุแต่ละครั้ง ตนจะใช้รถจยย. 2 คัน ในการก่อเหตุและสำหรับการเลือกรถจยย. ตนจะเลือกรถจยย. ที่ไม่ล็อคคอหรือรถจยย. ที่จอดอยู่ในบ้านที่ไม่ปิดประตูโดยผู้ต้องหายอมรับว่าทำมาแล้วหลายครั้งหลายพื้นที่ใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งในการก่อเหตุแต่ละครั้ง ผู้ต้องหาจะได้รับเงินจากนายโอ จำนวน 1,000 บาท ต่อรถจยย. หนึ่งคัน แต่ผู้ต้องหาให้การว่าตนเองจำไม่ได้ว่าเคยก่อเหตุลักรถจยย. ไปแล้วทั้งหมดกี่คัน