นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกรายย่อย หรือธุรกิจโชวห่วย ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่อยู่คู่สังคมไทยมานาน กำลังถูกคลื่นเทคโนโลยีสมัยใหม่ดิสรัปอย่างรุนแรงและรวดเร็ว กอปรกับร้านค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ได้ขยายธุรกิจ โดยการลดขนาดร้านค้าให้เล็กลงเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคระดับชุมชนในสังคมพื้นฐานของประเทศมากขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีและระบบเดลิเวอรีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกผู้บริโภค ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้า สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และได้ข้อมูลการซื้อสินค้าของผู้บริโภคเฉพาะบุคคล ทำให้สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ผู้ประกอบการโชวห่วยท้องถิ่นจึงได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทันจำเป็นต้องออกจากธุรกิจไป และร้านค้าที่ยังอยู่ในธุรกิจจำนวนมากได้รับผลกระทบโดยตรงด้านยอดขาย ความท้าทายของธุรกิจโชวห่วยไทยจึงอยู่ที่การเข้าถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภค การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการร้านค้า และการขยายฐานลูกค้า/การตลาดผ่านระบบอี-คอมเมิร์ซ ทั้งนี้ ร้านค้าโชวห่วยทุกขนาดจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานด้านการบริหารจัดการธุรกิจเป็นทุนตั้งต้น และต้องพร้อมปรับเปลี่ยน เรียนรู้ และพัฒนาเพื่อให้สามารถตั้งรับได้ทุกสถานการณ์ ทั้งความต้องการของผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย และเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ให้ความสำคัญ คือ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาและผลักดันร้านค้าโชวห่วยให้เป็นร้าน "สมาร์ทโชวห่วย" โดยให้นำผู้ประกอบการเข้าสู่โลกดิจิทัลเพื่อเรียนรู้และซึมซับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยขยายฐานลูกค้าและขยายตลาด ช่วยลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ รวมถึง เพื่อรองรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐที่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกประชาชน ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้ามากขึ้น ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้ง "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" "คนละครึ่ง" "เราชนะ" "ม33เรารักกัน" ฯลฯ ทำให้มีผู้สนใจเปิดร้านค้าโชวห่วยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และกระตุ้นให้มูลค่าการตลาดของธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยมีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านบาทในปี 2563 และคาดว่าในปี 2564 จะมีมูลค่าที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับร้านโชวห่วยท้องถิ่นในการเร่งพัฒนาร้านค้าและนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขาย/ลดต้นทุน มั่นใจว่ารัฐบาลจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับพื้นฐาน และเทคโนโลยีจะเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อที่สำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนในการเข้าร่วมและเข้าถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล “ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรลงพื้นที่ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการโชวห่วยท้องถิ่น ภายใต้กิจกรรม "พัฒนาศักยภาพร้านค้าปลีกสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย" ระหว่างเดือนเมษายน - กันยายน 2564 ครอบคลุมทั้ง 4 ภาคของประเทศ โดยพิจารณาจากจังหวัดที่มีร้านค้าที่สมัครเข้าร่วมโครงการสมาร์ทโชวห่วยกับกรมฯ ในปี 2563 เป็นจำนวนมาก เช่น เชียงใหม่ ลพบุรี ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี หนองบัวลำภู สงขลา พังงา เป็นต้น และได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้จำนวน 3,500 ราย โดยจะมีการนำผู้เชี่ยวชาญไปให้ความรู้และแลกเปลี่ยนมุมมองในเรื่องที่มีความจำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ เรื่องบัญชี/ภาษี การปรับปรุงร้านค้าให้มีความทันสมัย สวยงาม สะอาด และมีความสะดวกสบายในการเลือกหาสินค้า เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการภายในร้าน” นายทศพล กล่าวว่า รวมถึงสอนเทคนิคการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคละแวกร้านค้าเบื้องต้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง หรืออาศัยลูกหลานที่เป็นคนรุ่นใหม่ในการเก็บข้อมูล เพื่อให้เข้าถึงความต้องการสินค้าของลูกค้าอย่างแท้จริง ก่อนนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายภายในร้าน ทำให้ไม่ต้องสต๊อกสินค้าเกินความจำเป็น สินค้าที่ได้รับความสนใจน้อยหรือไม่ได้รับความสนใจเลยก็ไม่จำเป็นต้องนำมาจำหน่าย เป็นการลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ ทำให้ร้านค้าโชวห่วยมีสินค้าที่เข้าคอนเซป ‘ซื้อง่าย ถูกใจ ใกล้บ้าน’ ช่วยให้ผู้ประกอบการโชวห่วยท้องถิ่นสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษจากผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่าย สินค้าชุมชน เทคโนโลยี POS สถาบันการเงิน รวมทั้ง บริการเสริมเพิ่มรายได้ให้แก่ร้านค้าโชวห่วย อาทิ ตู้น้ำดื่ม ตู้เติมเงิน และการบริการจัดส่งสินค้า (เดลิเวอรี) ฯลฯ เป็นต้น อีกทั้งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กรมฯ ได้มีการนำเทคโนโลยี/ระบบการเรียนออนไลน์มาเสริมเข้ากับกิจกรรมพัฒนาศักยภาพฯ โดยได้จัดหลักสูตร e-learning "จากร้านธรรมดา มาเป็น สมาร์ทโชวห่วย" ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการร้านค้าปลีก บัญชี กฎหมายและภาษีที่เกี่ยวข้องกับร้านค้าโชวห่วย ความยาว 3 ชั่วโมง โดยเมื่อเรียนจบหลักสูตร ผู้ประกอบการจะได้รับประกาศนียบัตรออนไลน์ และคู่มือความรู้ 3 เล่ม โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเรียนได้ฟรีที่ dbdacademy.dbd.go.th อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการโชวห่วยที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนส่งเสริมธุรกิจการค้า กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2547 5986 สายด่วน 1570 e-Mail : [email protected] และ www.dbd.go.th ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกโชวห่วยขนาดกลาง จำนวน 18,735 ร้านค้า และ โชวห่วยขนาดเล็กประมาณ 400,000 ร้านค้า