วันที่ 23 มี.ค.64 นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุค ระบุถึงกรณีมาตรา 9 ในร่างกฎหมายประชามติ ว่า กรณีที่รัฐสภาเสียงข้างมากให้แก้ไขมาตรา 9 ของร่างพ.ร.บ.ประชามติ ที่มีผลให้รัฐสภาและประชาชนมีสิทธิเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกเสียงประชามติเรื่องที่เสนอ เชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาบางส่วนและรัฐบาล เห็นว่ามีความขัดหลักการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจและขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 166 แม้เนื้อความในมาตรา 166 ตอนท้ายจะเขียนว่าให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่กฎหมายที่ออกมาควรทำหน้าที่เพียงขยายความ กำหนดขั้นตอนรายละเอียดในการปฏิบัติให้ชัดเจน แต่ไม่ควรบัญญัติหลักการเกินกรอบของรัฐธรรมนูญ ในกรณีนี้รัฐธรรมนูญกำหนดหลักการให้คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่และอำนาจที่จะพิจารณาใช้ดุลพินิจตัดสินใจว่าการใดถือเป็นเหตุอันสมควรที่จะจัดให้มีการออกเสียงประชามติหรือไม่ เมื่อใด กฎหมายที่ออกตามมาหากไปบัญญัติให้รัฐสภาหรือประชาชนเข้าชื่อกันให้คณะรัฐมนตรีจัดการออกเสียงประชามติได้ อาจเป็นบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ขณะนี้สำนักงานกฤษฎีกาอยู่ระหว่างปรับแก้มาตราต่อเนื่องจากมาตรา9 ให้มีกรอบที่ไม่มัดมือครม. เกินไป และกรรมาธิการ จะนัดพิจารณาวันที่ 1-2 เมษายนนี้ เบื้องต้นเชื่อว่านอกจากจะพิจารณาเนื้อหาที่กฤษฎีกาเสนอแล้ว อาจมีข้อเสนอจากกรรมาธิการ อาทิ ให้ชะลอการบังคับใช้มาตรา 9 อย่างไรก็ดีส่วนตัวเชื่อว่าร่างพ.ร.บ.ประชามติจะผ่านวาระสามได้ยาก ซึ่งอาจเกิดกรณีถามหาความรับผิดชอบด้วการยุบสภาฯ ส่วนตัวเชื่อว่าส.ส.ไม่ต้องการ ดังนั้นรัฐบาลจึงมีทางออกหลายวิธี เช่น เสนอร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขมาตรา 9 เป็นต้น"